วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

บ่อเลี้ยงปลาข้างบ้านตามฮวงจุ้ย

วันนี้มาขอเล่าเรื่องภายนอกบ้านกันต่อนะคะ สลับกับเรื่องรักษ์สุขภาพและสวนสวยด้วยตัวเรา จะได้ไม่เบื่อที่จะเข้ามาอ่านบล็อกเรื่องเดิมๆ เปลี่ยนเนื้อหาโน้นนี้บ้าง มีชีวิตชีวาไปอีกแบบนะ แต่ยังไงก็ยังเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในบ้านของเราน่ะล่ะ เข้าเนื้อหากันดีกว่า คุณสามีเป็นคนจัดสิ่งนี้ล่ะ ขอบอกนั่นก็คือบ่อปลา ได้สอบถามซินแสไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าตำแหน่งตรงไหนเหมาะ ลักษณะของรูปทรงบ่อก็สำคัญ สรุปได้เป็นแบบเลขแปดหรือที่เรียกว่ารูปลักษณะอินฟินิตี้ (Infinity) คือไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนระบบน้ำก็ให้เป็นลักษณะน้ำตกไหลเข้ามายังตัวบ้านซึ่งถือว่าเป็นพลังบวก ก่อนสร้างเราก็เลยต้องไปเสาะหาข้อมูลมาเพื่ออ้างอิงหลายๆด้าน ลองดูค่ะ


การสร้างบ่อปลาแฟนซีคาร์ฟ ไม่มีขนาดและรูปทรงที่แน่นอนค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าบ่อกรองควรมีขนาดหนึ่งในสามของบ่อเลี้ยง เพื่อประสิทธิภาพในการกรองที่ดีนะคะ

ความลึกของน้ำที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยง ปลาแฟนซีคาร์ฟ คือ 80-150 ซม.(ขึ้นอยู่กับขนาดของ ปลาที่จะเลี้ยง) และขอบบ่อควรสูงกว่าระดับน้ำในบ่อ 20-30 ซม. ถ้าเป็นบ่อแบบขุดลงดินขอบบ่อก็ควรสูงกว่าพื้นดินไม่น้อยกว่า 30 ซม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมบ่อ ก้นบ่อควรเทพื้นให้ลาดเอียง 20-30 องศา จากริมก้นบ่อโดยรอบเข้าหาใจกลางบ่อที่เป็นเป็นตัว U และสะดือบ่อที่อยู่ใจกลางบ่อก็ควรมีขนาดที่ไม่เล็กจนเกินไป และอาจมีได้หลายสะดือ ถ้าบ่อมีขนาดใหญ่มากๆ หรือมีส่วนที่เว้าเยอะ วัสดุในบ่อกรองให้ใช้หินกรองสามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ปั๊มน้ำก็ควรใช้ที่เงียบ และแรงเหมาะสมกับขนาดบ่อ บ่อทรงกลมจะช่วยให้ไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำขนาดใหญ ่เพื่อให้น้ำในบ่อหมุน เพราะถ้าน้ำหมุนก็จะทำให้ขี้ปลาไปรวมที่ก้นบ่อเร็ว และจะลงไปในสะดือไปที่บ่อกรองได้ง่าย ที่ตั้งของบ่อก็ควรให้มีแดดส่องถึง อย่างน้อยวันละ  3  ชั่วโมง  หรือให้แสงส่องลงบ่อประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์




บ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ นั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทค่ะ คือ

 1. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่บนดิน

บ่อแบบนี้จะสะดวกต่อการจัดการ เพราะน้ำที่มาจาก สะดือบ่อเลี้ยง จะมาที่บ่อกรอง โดยตรง ไม่ต้องใช้การปั๊มจากบ่อพัก มาบ่อกรอง และการล้างบ่อกรองก็ง่ายเพราะบ่อกรองอยู่บนดิน เพียงแค่เปิดวาล์วที่ทำไว้กันบ่อกรองต่อกับสะดือบ่อกรองทุกห้อง โดยใช้วิธี ล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใส ประมาณปีละ2-3 ครั้งขึ้นอยู่กลับปริมาณปลาและการให้อาหาร ข้อสำคัญก้นบ่อกรองจะต้องเทลาดเอียงทุกห้อง และมีสะดือบ่อเหมือนบ่อเลี้ยง ให้ตะกอนมารวมกันเพื่อง่ายต่อการกำจัด

 2. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่ในดิน


 วิธีสร้างบ่อกรองแบบนี้ไม่สามารถทำวาล์วไว้ที่ก้นบ่อได้เหมือนสองวิธีแรกค่ะ เพราะระดับน้ำของก้นบ่อกรอง อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินปกติ ดังนั้นจึงต้องทำก้นบ่อกรองให้ลาดเอียงไปทางด้านช่องของน้ำล้น เข้า ที่ไม่ได้ใส่วัสดุกรองของแต่ละช่อง และช่องว่างของช่องน้ำล้นเข้าต้องกว้างพอที่จะใส่ปั๊มน้ำลงไปได้ เพราะเมื่อต้องการล้างบ่อกรอง โดยใช้ วิธีการล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใสนั้น จะต้องใช้ปั๊มน้ำเป็นตัวดึงน้ำออกแทนการเปิดวาล์วแบบสองวิธีแรก


 3. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองอยู่บนดินและบ่อเลี้ยงขุดลงในดิน

วิธีสร้างบ่อกรองใช้เหมือนวิธีแรกแต่บ่อพักต้องสร้างลึก ลงไป ให้ เท่ากับก้นบ่อเลี้ยง แล้วใช้ปั้มน้ำ
ปั้มน้ำจากบ่อพัก มาบ่อกรอง ขนาดของบ่อพัก ไม่จำกัดจะใหญ่หรือเล็กก็ได้ การล้างบ่อกรองก็เหมือนวิธีแรกค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก  kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=3945.0
ภาพประกอบจาก Penfolds Grange

การเลี้ยงปลาคาร์ฟ

ปัจจัยการเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์ฟ มีหลายอย่างค่ะ เช่น น้ำ อากาศ แสงแดด อาหาร อุณหภูมิ และนอกจากนั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ความเอาใจใส่ ซึ่งเมื่อคุณมีความเอาใจใส่ดูแลแล้วละก็ ปัจจัยอื่น ๆ เราก็ต้องสนใจเป็นธรรมดานะคะ



น้ำ  

เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับปลาทุกชนิด เราต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของน้ำที่จะมาใช้เลี้ยงปลาแต่ละชนิดค่ะ เพราะน้ำเปรียบเสมือนบ้านของปลานั่นเอง น้ำที่จะนำมาใช้เลี้ยงปลาคาร์ฟนั้น มาจากแหล่งน้ำได้หลายแห่งเช่น น้ำประปา น้ำบาดาล น้ำคลอง น้ำบ่อ น้ำตก เป็นต้น แต่ที่สะดวกที่สุดคือ น้ำประปาที่ผ่านการฆ่าคลอรีนแล้ว และมีค่า pH เป็นกลางที่ pH 7 วิธีง่ายๆในการฆ่าคลอรีนก็คือ ให้น้ำประปาผ่านเครื่องกรองน้ำที่มีถ่านคาร์บอนเป็นตัวกรอง โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านกรองช้า ๆ และควรทดสอบคลอรีนทุกครั้งก่อนนำน้ำมาเลี้ยงปลา หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อปลา ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้น้ำประปา ก็ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้ แต่แหล่งน้ำจากธรรมชาติจะมีความเป็นกรดเป็นด่างซึ่งจะมีผลต่อสีปลา โดยทำให้ปลาสีซีด และน้ำจากธรรมชาติบางแหล่ง อาจมีการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลงซึ่งเป็นอันตรายต่อปลาคาร์ฟมาก อีกทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติอาจเป็นพาหะของโรคมาอีกด้วย ฉะนั้นน้ำประปาจึงเป็นน้ำที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาใช้ในการเลี้ยงปลาคาร์ฟอ่ะนะคะ ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำแต่ละครั้ง ไม่ควรเปลี่ยนทีเดียวจนหมดทั้งบ่อ ควรจะเปลี่ยนน้ำโดยให้เหลือน้ำเก่าไว้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณน้ำเดิม และเติมน้ำใหม่ลงไป 1 ใน 3 เพราะจะทำให้ปลาปรับตัวได้ และไม่เกิดอาการช็อกน้ำ ค่ะ

อากาศ หรือออกซิเจน

สองสิ่งนี้จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของปลาคาร์ฟมากค่ะ สังเกตได้จากการที่ปลาคาร์ฟว่ายน้ำ ถ้าว่ายน้ำอยู่ในน้ำแล้วจะลอยหัวขึ้นมาเฉพาะตอนกินอาหาร ก็ถือว่าออกซิเจนไม่ขาด แต่ถ้าปลาคาร์ฟลอยหัวอยู่ตลอดแสดงว่าอากาศหรือออกซิเจนเริ่มขาด ต้องรีบทำการเติมอากาศทันที ทางที่ดีควรจะทำการเติมอากาศไว้อยู่ตลอดเวลา โดยการที่ให้น้ำดีจากบ่อกรองที่จะมาในบ่อเลี้ยง ได้สัมผัสอากาศเสียก่อนที่จะ ปล่อยลงบ่อ โดยยิงน้ำลงบ่อเลี้ยงเพื่อให้เกิดฟองอากาศ หรือใช้ปั๊มอากาศปั๊มลงโดยตรงเลยก็ได้แต่ถ้าบ่อใหญ่มากๆ ควรใช้หัวเจ็ทพ่นน้ำเพราะหัวเจ็ทจะดูดออกซิเจนในอากาศลงไปผสมกับน้ำได้เป็นอย่างดี บ่อที่สร้างแบบมีน้ำตกด้วยจะช่วยให้มีออกซิเจนมาเพิ่มในน้ำดีขึ้น เนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาตามแนวน้ำตกจะได้สัมผัสอากาศก่อนลงบ่อนั่นเองอ่ะนะคะ

อาหาร

ปลาคาร์ฟมีนิสัยที่น่ารักอยู่อย่างหนึ่งค่ะ คือ เมื่อเชื่องแล้วปลาคาร์ฟจะว่ายมามองหน้าแล้วทำปากอ้าเหมือนจะรู้ว่าเราต้องใจอ่อนให้อาหารอย่างแน่นอน แต่อย่าใจอ่อนทุกครั้งไปนะคะ เพราะจะทำให้รูปทรงปลาเสียได้ และถ้าเราให้มากจนเหลือก็จะทำให้น้ำเสียเร็ว ฉะนั้นการให้อาหารจึงควรให้พอดีดังนี้

ให้อาหารตามน้ำหนักของปลา คือ 2-4 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวปลาต่อวัน โดยให้วันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและบ่าย ควรจะให้ปลาคาร์พกินอาหารหมดภายใน 20 นาที ถ้าเหลือควรตักทิ้งเพราะจะทำให้น้ำไม่เสียเร็ว ไม่ควรให้อาหารปลาในเวลาเย็นมากเกินไป เพราะในตอนเย็นออกซิเจนในน้ำมีปริมาณลดลงมากอาจเป็นอันตรายกับปลาได้ อุณหภูมิของน้ำก็มีส่วนในการลดหรือเพิ่มปริมาณอาหาร ในฤดูร้อนปลาคาร์พมักจะกินอาหารได้มาก แต่ถ้าวันใดที่อากาศร้อนมากๆก็ควรงดอาหาร ส่วนในฤดูหนาวปลาคาร์พก็จะกินอาหารน้อยและวันใดที่อากาศเย็นมากๆ ต่ำกว่า 7 องศาเซลเซียส ให้งดอาหาร



ปลาคาร์ฟ เป็นปลาที่กินอาหารได้หลายชนิดทั้งอาหารสดและพืช เช่น ข้าวโพดบด ข้าวสาลี กะหล่ำปลี สาหร่าย แหน ข้าวเหนียวนึ่ง ขนมปัง ลูกน้ำ ลูกไร กุ้งสด หอย ปลาหมึก เป็นต้น แต่ที่นิยมใช้เลี้ยงมากที่สุดคืออาหารเม็ดลอยน้ำ เพราะสะดวกและหาง่ายอาหารเม็ดลอยน้ำบางชนิดก็มีส่วนผสมของพืชและเนื้อสัตว์เช่น กุ้งแห้ง เป็นต้น อาหารบางชนิดยังอาจผสมสปิรูลิน่าหรือสาหร่ายเกลียวทองที่เรียกว่าอาหาร 10 เปอร์เซ็นต์ (อาหารที่มีส่วนผสมของสาหร่ายสปิรูลิน่าอยู่ในอาหารในปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์) มีผลต่อสีของปลาด้วยเพราะสปิรูลิน่าจะเป็นตัวช่วยให้สีของปลาคาร์พเข้มดูสวยงาม

แสงแดด-อุณหภูมิ

 ที่ที่ดีสำหรับ บ่อปลาคาร์ฟ คือ ที่ที่มีแสงแดดส่องถึง ไม่ควรต่ำกว่า วันละ 3 - 4 ชม. แต่ก็ไม่ควรให้แดดลงบ่อเต็มๆ ทั้งวัน ควรหาร่มเงาให้ปลาได้หลบพักบ้าง อากาศก็ควรจะถ่ายเทได้ดี ไม่ควรอยู่ใกล้ครัวเพราะควันจากการทำอาหารอาจลงไปในบ่อทำให้น้ำมีคราบมัน บ่อที่ดีควรขุดลงไปในดินจะดีกว่าทำบ่อลอย เพราะอุณหภูมิของน้ำในบ่อฝังดินจะเปลี่ยนแปลงช้าและต่ำกว่าบ่อลอย ปลาคาร์พมักชอบน้ำอุณหภูมิต่ำ (20-25 องศาเซลเซียส)

จะเห็นได้ว่า การเลี้ยงปลาคาร์ฟ ซึ่งเป็นปลาสวยงามนั้น ต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในหลายขั้นตอนเลยนะคะ แต่การมีสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทใดก็ตาม หากเราให้ความรัก เอาใจใส่ เค้าก็จะเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราค่ะ นอกจากจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขแล้ว ยังทำให้จิตใจของผู้เลี้ยงมีความอ่อนโยนอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การไหว้แม่ย่านางรถ

อย่างที่รู้กันว่าความเชื่อของคนไทยเมื่อไรที่ออกรถมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือรถมือสองก็จะเคารพนับถือและบูชาแม่ย่านางรถซึ่งเป็นสิ่งศ...

บทความน่าสนใจ