วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

การเลือกโคมไฟหน้าบ้าน...รับหน้าฝน

วันนี้นำเรื่องเกี่ยวกับบ้านมาฝากกันค่ะ ปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่ที่มีรั้วล้อมรอบมักจะประดับรั้วบ้านด้วยโคมไฟสวยๆซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบจริงๆ แต่หลักการเลือกโคมไฟหน้าฝนนั้น…อย่าลืมดูค่า IP (มาตรฐานการป้องกันฝุ่นและความชื้น บ้านใครที่ไม่อยากให้ หลอดไฟเสียหายจากน้ำฝน ก่อนเลือกซื้อโคมไฟ จึงควรพิจารณาค่า IP ที่ข้างกล่องให้ดีๆนะคะ



ค่า IP คือ ค่ากันน้ำกันฝุ่นของโคมหรือหลอดไฟทั่วไปนั่นเอง ปกติจะมี ตัวเลขอยู่ 2 ตัว ตัวแรก คือ ระดับการป้องกันจากฝุ่น ส่วนตัวที่ 2 คือระดับการป้องกันน้ำ และยิ่งตัวเลขทั้ง 2 สูงเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยป้องกันฝุ่นกันน้ำได้ดีเท่านั้นค่ะ
โดยพื้นที่กึ่งภายในกึ่งภายนอก เช่น ห้องน้ำ ชายคา ชานบ้าน ควรใช้โคมที่มีค่า IP 44 ขึ้นไป จึงจะช่วยกันฝุ่นและน้ำได้ทุกทิศทาง 

แต่ถ้าเป็นโคมสนาม หรือโคมปักดินในสวนที่ตั้งไว้กลางแจ้ง  แนะนำให้มีค่า IP  54 ขึ้นไปค่ะ ถึงจะสู้กับฝุ่นและฝนได้เต็มที่



รู้ค่า IP ที่เหมาะสมกันแล้ว ก็มองหาโคมไฟกันน้ำ IP สูง ได้มาตรฐาน ในราคาประหยัดได้แล้วนะคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก nucifer.com

วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เรื่องกล้วยๆๆช่วยลดน้ำหนักได้

ถ้าจะพูดถึงปัญหาน้ำหนักส่วนเกิน พบว่ามีกันแทบจะทุกคน บางคนลองมาหลายวิธี น้ำหนักก็ยังไม่ลดอยู่ดี ทำให้ต้องหันไปพึ่งยาลดความอ้วน ที่ผสมสารอันตราย กินเข้าไปส่งผลกระทบต่อร่างกาย หรือไม่ ก็อาจถึงตายได้ จึงไม่อยากจะแนะนำ ส่วนบางคนก็อดอาหาร บังคับฝืนใจตัวเองมันก็จะยากซะเหลือเกิน ยิ่งถ้าหิวๆมากินเยอะกว่าเดิม ไม่ได้ผลแถมยังน้ำหนักขึ้นอีก

       หลังจากที่นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่น Fukada Kyoko กินกล้วยเป็นอาหารเช้าและลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12 กิโลกรัม ทำให้กล้วยกลายเป็นผลไม้ลดความอ้วนยอดฮิตไปซะแล้ว แต่เพื่อนๆรู้ไหมว่า จริงๆ แล้ว *กินกล้วยตอนมื้อเย็นเห็นผลมากกว่าอีกนะ*

       ผลการวิจัยของ Matsuoi Tsuneo แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านลำไส้ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะกินอาหารเช้าปริมาณน้อยแต่กินอาหารเย็นเต็มที่ หากเราเปลี่ยนนิสัยการกินมื้อเย็นได้ การลดน้ำหนักก็จะเห็นผลเร็วมากขึ้น และยังได้แนะนำว่าก่อนอาหารมื้อเย็นให้กินกล้วยสัก 2 ผลตามด้วยน้ำเปล่า 200 มล. อีก 1 แก้ว  หลังจากนั้น 30 นาทีค่อยกินอาหารเย็น เพราะการกินกล้วยจะช่วยลดความอยากอาหาร ไม่ต้องอดอาหารอย่างทรมาน แล้วยังไม่ทำให้กลับมาอ้วนอีก ใช้เวลาสั้นๆ แค่ 10 วันก็สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 3 กิโลกรัม เชียวนะคะ

ข้อดีของการกินกล้วยในมื้อเย็น

1. สารอาหารมากมายและให้พลังงานต่ำ

                กล้วย1ผลให้พลังงาน 86 กิโลแคลอรี่ (ประมาณ100กรัม) เมื่อเปรียบกับข้าว1ถ้วยที่ให้พลังงาน 250 กิโลแคลอรี่ แล้วกล้วยยังทำให้อิ่ม อยู่ท้อง ไม่หิวง่ายและในกล้วยยังมีทั้งวิตามิน B6, วิตามิน C, แมกนีเซียม, โพแทสเซียมและแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นในการเสริมสร้างร่างกายด้วย

2. มีใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่าย

              ในกล้วยนั้นมีเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ ช่วยเพิ่มจำนวนโปรไบโอติกและระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ และยังมีเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ ลดอาการท้องผูก

 3. กระตุ้นโกรทฮอร์โมน ลดริ้วรอยชะลอความแก่

              ร่างกายของเรานั้นจะสร้างโกรทฮอร์โมนหรือฮอร์โมนแห่งการเจริญวัย ช่วยชะลอวัยและเผาผลาญพลังงานมากที่สุด ในช่วงเข้านอน (ช่วงเวลา23.00-01.00น.)

เมื่อเรากินกล้วยในมื้อเย็นแล้ว กรดอาร์จีนีนในกล้วยจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยโกรทฮอร์โมนออกมา ช่วยชะลอความแก่ ลดความอ้วนได้ดี และในกล้วยยังมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน

เป็นวิธีที่ง่ายมากๆเลย หากอยากเห็นผลมากกว่าเดิมลองออกกำลังกายควบคู่จะดีมากๆ สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณสดใส ที่สำคัญไม่ต้องอดอาหารให้ลำบาก ลองดูค่ะ

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : postsod

วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ผ่อนบ้านแบบสบายๆต้องทำอย่างไร

ฝันของใครหลายๆ คนที่กำลังเริ่มต้นมีครอบครัว คงหนีไม่พ้นการซื้อบ้าน เพื่อเป็นทรัพย์สินของครอบครัวชิ้นแรก ดังนั้น หากเพื่อนๆกำลังมองหาบ้านหรือคอนโดฯ สักแห่ง นอกจากเรื่องของทำเลแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ งบประมาณในการซื้อบ้าน

ข้อแนะนำในเรื่องการวางแผนสำหรับการซื้อบ้านมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ การเตรียมตัวก่อนขอสินเชื่อ และ ปัจจัยที่ช่วยให้ผ่อนสบายกระเป๋า


ขอเริ่มที่เรื่องแรกก่อน คือ ในเตรียมตัวเตรียมใจก่อนขอสินเชื่อ มีสิ่งที่ต้องเตรียมดังนี้

1. เตรียม Statement ให้พร้อม หากคุณมีอาชีพทำงานประจำมีรายได้จากเงินเดือน สามารถใช้ Slip เงินเดือนหรือ หนังสือรับรองฯ 50 ทวิ ในการยืนยันรายได้ หากคุณมีอาชีพอิสระค้าขายทั่วไป ไม่มีเงินเดือนประจำ ก็สามารถกู้ได้ โดยต้องเตรียมหลักฐานแสดงที่มาที่ไปของเงินให้มีความชัดเจน เช่น บัญชีเงินฝากที่มียอดรายได้เข้าสม่ำเสมอ การเดินบัญชีกระแสรายวัน การใช้เช็ค เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการชำระหนี้คืนได้

2. รักษาเครดิต ในการขอสินเชื่อต้องมีการตรวจสอบสถานะสินเชื่อและประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาก่อน โดยการตรวจสอบเครดิตบูโร ดังนั้น ควรจะรักษาเครดิตไว้ให้ดี เพื่อมิให้เป็นข้อจำกัดในการขอสินเชื่อได้

3. เตรียมออมเงินให้เพียงพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการซื้อบ้านในปัจจุบันคือ เงินดาวน์บ้าน คุณควรกันเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างน้อย 6 เดือนก่อนกู้บ้าน และเตรียมเงินดาวน์อย่างน้อย 10% ของราคาบ้านที่ตั้งใจไว้ ยิ่งมีมากก็ช่วยลดภาระการผ่อนชำระลง เวลาขอสินเชื่อจะได้ผ่อนอย่างสบายกระเป๋า

หลังจากที่เตรียมตัวแล้ว ถึงเวลาจะจะกู้บ้านให้สบายกระเป๋า มี 4 ปัจจัยที่ต้องคำนึง คือ


1.เงินดาวน์มีเท่าไร ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น กำหนดให้ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องมีเงินดาวน์ไม่น้อยกว่า 10% ของราคาบ้าน ดังนั้น หากจะซื้อบ้านราคาสัก 3 ล้านบาท จะต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นเงินดาวน์อย่างน้อย 3 แสนบาท หากมีเงินดาวน์มากกว่าก็จะทำให้ประหยัดค่าดอกเบี้ยลงไปได้อีก

2. ยอดผ่อนชำระต่อเดือน ปกติแล้วภาระการผ่อนรายเดือนที่ไม่หนักจนเกินไป ไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ก่อนภาษี หากรายได้คนเดียวผ่อนไม่ไหว สามารถกู้ร่วมได้ ทั้งนี้ การกู้ร่วม ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเป็นสามีภรรยา

3. ระยะเวลาในการผ่อนชำระ ปกติจะผ่อนสูงสุดไม่เกิน 30 ปี เนื่องจากระยะเวลาผ่อนเมื่อรวมกับอายุของผู้กู้แล้ว ต้องไม่เกิน 60-65 ปี (ช่วงอายุเกษียณ) ระยะเวลาผ่อนสั้น ยอดผ่อนชำระรายเดือนจะมากกว่าระยะเวลาผ่อนยาว หากมีความสามารถในการผ่อนสูงสามารถเลือกผ่อนสั้นได้เพื่อให้หมดภาระได้เร็วและประหยัดค่าดอกเบี้ยจ่าย

4. รูปแบบอัตราดอกเบี้ย ปัจจุบันสถาบันการเงินมีทางเลือกให้กับผู้ขอสินเชื่อ ว่าจะผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ หรือ แบบลอยตัว ผู้ขอสินเชื่อควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และ ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง

ปกติทั่วไป หากขอสินเชื่อ จำนวน 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7% ต่อปี จะมียอดผ่อนชำระประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน ลองพิจารณาปัจจัยดังที่ได้กล่าวในเบื้องต้นว่า จะผ่อนบ้านอย่างไรให้สบายกระเป๋ากัน

หลังจากพิจารณาปัจจัยดังกล่าวแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การวางแผน ก็คือ การนำแผนมาปฏิบัติการ เนื่องจากเงินดาวน์เป็นก้าวแรกสำหรับการซื้อบ้าน ดังนั้น การเก็บออมเงินดาวน์ให้บรรลุเป้าหมายนั้น จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายเป็นได้ การออมเงินดาวน์ให้มีผลตอบแทนที่เหมาะสม และ มีสภาพคล่องในการแปลงเป็นเงินสดได้ เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาสำหรับแผนปฏิบัติการ คุณอาจจะพิจารณาเก็บออมในรูปของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อให้มีสภาพคล่อง และมีผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป

นอกจากนี้ ในการกู้บ้านอย่าลืมพิจารณาปัจจัยเรื่องการวางแผนภาษี เนื่องจากกรมสรรพากรให้สิทธิสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท เป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายทางภาษีของคุณได้อีกทางหนึ่ง (เพิ่มเงินในกระเป๋ามากขึ้น) และเพื่อให้การวางแผนภาษีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านหรือคอนโดฯ ก็เป็นเรื่องสำคัญในการวางแผนภาษีด้วย

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

นอนดึก...เกิดอะไรได้บ้าง


เช้านี้เอาเรื่องใกล้ตัวมากๆมาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะ เราจะพบว่า ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของคนเราเริ่มเปลี่ยไป ทั้งวัยรุ่น รวมถึงคนวัยทำงานเอง ต่างเคยชินกับการใช้ชีวิตตอนกลางคืน นอนดึก แต่ก็ต้องตื่นเช้าออกมาทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือนอนดึกแล้วตื่นสายไปเลย ด้วยการยึดคติที่ว่าต้องนอนให้ครบวันละ 8 ชั่วโมง ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าการนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงนั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ถ้าคุณเข้านอนตอน ตี 3 ตี 4 แล้วไปตื่นเอาตอนเที่ยงหรือบ่าย ก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นหรอกนะคะ ทั้งยังเป็นการทำลายสุขภาพของคุณอีกด้วยค่ะ

เรามาดูกันว่า หากเรานอนดึก เราจะเจออะไรบ้าง โอ๊ะ!!!ไม่ใช่ผีน๊า ขอแบ่งเป็นข้อๆดังนี้นะคะ

1. ขี้ลืม ไม่มีสมาธิ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการนอนดึกนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของสมองคุณอย่างแน่นอน เมื่อคุณนอนดึก จะทำให้สมองของคุณรับรู้และตอบสนองช้า เบลอ พูดจาหรือสื่อสารไม่รู้เรื่อง เนื่องจากสมองของคุณไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ส่งผลให้สมองทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับสิ่งที่ทำ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อความจำ ทำให้คุณกลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืมอีกด้วย

2. เครียดหรือหงุดหงิดง่าย

นอกจากการนอนดึกจะส่งผลต่อการทำงานของระบบสมองแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงสภาวะทางอารมณ์ของคุณด้วย ลองสังเกตง่ายๆ ดูก็ได้ว่าหากวันไหนคุณนอนดึก คุณจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย ทั้งยังทำให้คุณกลายเป็นคนเครียดง่ายโดยที่ไม่รู้ตัว

3. ร่างกายทรุดโทรม

แน่นอนว่าการนอนดึกแล้วต้องตื่นเช้านั้นย่อมทำให้ร่างกายของคุณทรุดโทรม ไม่มีเรี่ยวแรง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง ทำให้เรากลายเป็นคนเจ็บป่วยง่าย

4. น้ำหนักขึ้น

ข้อนี้หลายคนน่าจะเคยประสบพบเจอ เมื่อนอนดึกร่างกายจะหลั่งสารคอร์ติโซลออกมา ทำให้เกิดอาการรู้สึกหิวได้ง่าย ยิ่งดึกยิ่งกิน เมื่ออิ่มแล้วก็รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ แถมบางทียังต้องทำงานหนักมากด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นเหตุให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้ตัวค่ะ ข้อนี้น่ากลัวนะคะสำหรับคนรักสวยรักงาม ว่ามั้ยคะ?

5. แก่ก่อนวัย


ข้อนี้ก็น่ากลัวนะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการนอนดึกทำให้หน้าแก่ก่อนวัยจริงๆ ลองสังเกตดูสิว่าวันไหนที่คุณนอนดึกมากๆ ใบหน้าคุณจะโทรม ใต้ตาจะหมองคล้ำ เพราะเลือดไหลเวียนไม่ทั่วบริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่ผิวหนังอ่อนบางมากจึงเห็นได้ชัดที่สุด นอกจากนี้ผิวพรรณก็จะดูไม่สดใส ผิวหนังเหี่ยวย่น เพราะฮอร์โมนทำงานไม่คงที่

6. ทำลายการทำงานของระบบในร่างกาย

พฤติกรรมการนอนดึกนั้นสามารถทำลายระบบการทำงานภายในร่ายกายของเราได้อย่างไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การกิน เมื่อเรานอนดึก ก็จะทำให้เราหิวจนต้องหาอะไรมาทานในเวลากลางคืน ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารต้องทำงานอีก หรือแม้กระทั่งบางครั้งคุณอยู่ทำงานตอนดึกๆ สมองก็ยังคงต้องทำงานอยู่กับคุณ ทั้งๆ ที่ควรเป็นเวลาพักผ่อนแล้วแท้ๆ

7. ระบบการนอนรวน


หลายคนอาจเถียงด้วยความคิดที่ว่า “คนเราต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง” จริงอยู่ค่ะว่าเราควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณเล่นไปนอนตอนตี 3 แล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเที่ยง หรือบ่ายโมงไปแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้นนะ แถมยังทำให้คุณพลาดอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดอย่างมื้อเช้าไปอีก หรือในกรณีที่บางคนนอนดึกตื่นเช้า ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ง่วงระหว่างวันจนต้องแอบไปงีบหลับสัก 1-2 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาเข้านอนตามปกติ คุณก็จะยังไม่ง่วง แล้วไปรู้สึกอยากนอนอีกทีก็หลังเที่ยงคืนซะแล้ว

จะเห็นได้ว่าการนอนดึกนั้นไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของคุณเลยสักนิด นอกจากจะทำให้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย ลองทบทวนดูก่อนว่าที่เรานอนดึกเพราะอะไร? หากเป็นเพราะเรื่องการเรียนหรือการทำงาน เราก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ยอมตื่นเช้าสักนิด จะได้มีเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นอีกมากมาย หรือถ้าคุณนอนดึกนั้นเป็นเพราะสาเหตุของการแชท หรือท่องโลกโซเชียลแล้วล่ะก็ คุณก็คงต้องกลับมาถามตัวเองแล้วล่ะว่าอยากสนุกเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ หรือเสียสุขภาพไปในระยะยาวกันคะ

 ที่มา :

www.thaihealth.or.th

www.healthiie.com

www.sukkaphap-d.com

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ข้อคิดในวันที่พ่อไม่อยู่

เพิ่งผ่านวันพ่อของปวงชนชาวไทยมาได้ไม่นาน นึกขึ้นมาได้ว่าเราอ่านเจอบทความที่ดีมากๆเลย จึงจะขอเก็บบันทึกไว้ในบล็อกประจำตัวซักหน่อย อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายแง่มุมทีเดียว จึงอยากแชร์ไว้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้าง ลืมบอกไปว่าเป็นบทสัมภาษณ์ของ ร.๑๐ และสมเด็จพระเทพฯ  ซึ่งมีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งส่งมาให้  เป็นประโยชน์มากๆ ควรจดจำให้ขึ้นใจ..ทิ้งไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว..เลยคัดลอกมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกันค่ะ

ร.10และพระเทพฯทรงให้สัมภาษณ์ BBCไว้ดีมากทั้ง 2 พระองค์

ข้อคิดในวันที่พ่อไม่อยู่

1. จากนี้ไปประเทศไทยของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก อาจมีหลายสิ่งเปลี่ยนไป รอยต่อของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่อาจชัดเจนขึ้น มันคือการเปลี่ยนผ่านในวันที่พ่อไม่อยู่ ทุกคนมีสิทธิ์เสียใจ และควรเสียใจ ทุกคนมีสิทธิ์กลัว และควรกลัว แต่จงตระหนัก เตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยสติปัญญา

2. พ่อคือตัวแทนของความพอเพียง เป็นต้นฉบับของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในวันที่ประเทศไทยกำลังถูกปั่นด้วยกระแสความโลภ จงหยิบภูมิปัญญาของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จดจำหลอดยาสีฟันของท่านไว้ จดจำการแต่งกายที่เรียบง่ายของท่านไว้ อะไรที่ประหยัดได้จงประหยัด อะไรที่พึ่งพาตนเองได้จงพึ่งพา อะไรที่แบ่งปันได้จงแบ่งปัน เมื่อยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้แล้ว เราจะพึ่งพาผู้อื่นน้อยลง

3. พ่อเป็นผู้มีความเพียรดุจพระมหาชนก ท่านเป็นผู้ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรโดยไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงฝั่ง ความคิดเช่นนี้ทำให้ท่านทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้ ฝากถึงคนไทย อย่าทำงานด้วยตัณหา อย่าขับเคลื่อนชีวิตด้วยความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่าให้อำนาจวัตถุบังตาจนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จงขับเคลื่อนชีวิตและการงานด้วยฉันทะ ความรัก ความเมตตา ด้วยประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เหมือนที่พ่อเคยทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง



4. พ่อยืนเคียงข้างคนยากจนเสมอ คนจนอยู่ที่ไหนท่านก็อยู่ที่นั้น ท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปเยี่ยมพวกเขาถึงบ้าน เป็นพระราชาผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่ยึดติดความหรูหรา เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เราอย่าหลงลืมปณิธานข้อนี้ อย่าทอดทิ้งคนยากจน จงหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ด้อยกว่า อย่าใช้ช่องว่างกฎหมายซ้ำเติมและเอาเปรียบผู้อื่น

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พามารู้จัก อาการของวัยทอง

เช้านี้ขอนำเรื่องใกล้ตัวมาพูดคุยให้ฟังกันดีกว่า  เรื่องของคุณๆผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ผ่านร้อนผ่านหนาวเข้าสู่วัยโกลด์นั่นเอง ไม่ว่าหญิงหรือชายทุกคนอาจพบเจออาการแปลกๆแบบนี้ได้นะคะ ตอนแรกเราก็นึกว่าจะเป็นแค่หญิงเท่านั้น แต่ไม่ใช่ล่ะ..... ผู้ชายก็มีสิทธิ์เจอได้เหมือนกันค่ะ แต่อาการจะไม่รุนแรงเหมือนผู้หญิง ดังนั้นเราจะพบว่าส่วนใหญ่ที่มาพบแพทย์หรือมีอาการรุนแรงจะเป็นหญิงมากกว่า ในที่นี้เลยขอพูดถึง วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และการปรับตัวเข้ากับสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องวัยทองเพื่อให้สามารถปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้สตรีวัยทองสามารถดูแลตนเองและเพิ่มคุณภาพชีวิตได้



มาทำความรู้จักกับ “วัยทอง”

วัยทอง (menopause) ตามคำจำกัดความขององค์การอนามัยโลก หมายถึง วัยที่มีการสิ้นสุดของการมีประจำเดือนอย่างถาวรเนื่องจากรังไข่หยุดการทำงาน และเป็นการหยุดความสามารถในการเจริญพันธุ์ โดยปกติจะนับเมื่อขาดประจำเดือนมาเป็นเวลาต่อเนื่องนาน 12 เดือนหรือ 1 ปี สำหรับหญิงไทย อายุเฉลี่ยที่จะเข้าสู่วัยทองคืออายุประมาณ 48 ปี

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การทำความสะอาดพื้นกรวดล้าง

วันนี้มีโอกาสเข้าบล็อกมาเล่าเรื่องบ้านๆกันบ้างดีกว่านะคะ นี่ล่ะชีวิตเรา...ยามเข้าช่วงปลายของชีวิตไม่มีอะไรมากนัก หมกมุ่นได้เท่านี้ล่ะ เรื่องสุขภาพเอย เรื่องการดูแลครอบครัวเอย คนที่เรารัก...ใช่นะ อ้อ!!!อย่าลืม บ้านก็เป็นส่วนหนึ่งนะ เราใช้ชีวิตร่วมกับเค้า(บ้าน)มาตลอดอายุของเราเลย รักมากมายแต่แบ่งเวลามาดูแลเค้าได้ช่วงหลังออกจากงานนี่เอง ตอนนี้ถึงเวลาต้องทดแทน ตอบแทน ดูแลเค้าให้สะอาด สวยงาม อยู่คู่กะเราและครอบครัวของเราไปแบบยั่งยืน เพื่อนๆคงเข้าใจนะถึงความตั้งใจของเราเจ้าของบล็อกในการเขียนบันทึกเรื่องราว ความทรงจำที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมทั้งสาระความรู้ต่างๆ ที่อาจนำมาใช้ เป็นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพตัวเอง คนที่เรารัก ทั้งนี้ก็รวมถึงการดูแลบ้านเข้าไปด้วย เนื้อหาหรือสาระต่างๆเลยจะขอวนเวียนเกี่ยวกับสองเรื่องนี้เป็นสำคัญน่ะค่ะ

วันนี้ขอนำวิธีการล้างทำความสะอาดพื้นกรวดล้าง ว่าควรทำอย่างไร? บริเวณหน้าบ้านของเราจะมีพื้นกรวดล้างอยู่ สังเกตว่านานเข้าจะมีสีดำฝังเข้าไปในพื้นผิว ทำความสะอาดยาก เลยต้องหาข้อมูลว่าต้องล้างอย่างไร มาแบ่งปันกันค่ะ


ถ้าจะล้างแบบธรรมดา ก็เอาน้ำยาล้างพื้นห้องน้ำอย่างพวกยี่ห้อเป็ดเทราดไว้ซักพัก แล้วใช้แปรงขัดพื้นขัดออก ตามด้วยสายยางฉีดน้ำล้างก็จะสะอาดขึ้นแล้ว ใช้แปรงขัดพื้นแบบด้ามยาวจะได้ไม่ปวดหลัง ไม่ต้องใช้แปรงลวดนะคะ ถ้าใช้แปรงลวดขัดบ่อยๆ เม็ดกรวดก็มีโอกาสที่จะหลุดล่อนตามออกมา หรือจะใช้พวกน้ำยาไฮเตอร์ น้ำยาซักผ้าขาวอะไรพวกนี้ผสมน้ำก็ใช้ล้างได้ ช่วยขจัดคราบเชื้อราได้เหมือนกันค่ะ

ถ้าจะล้างพื้นกรวดล้าง-ทรายล้าง กันแบบจริงๆจังๆ เอาให้เหมือนกับตอนเสร็จใหม่ๆเลยก็ต้องนี่เลยค่ะ “กรดเกลือ” ใช้กรดเกลือแบบเจือจางเทราดพื้น แล้วก็ใช้แปรงขัดพื้นขัดตามเลย หรือจะเทกรดเกลือใส่ถังแล้วใช้แปรงจุ่ม (แปรงสลัดน้ำแบบที่ช่างฉาบปูนใช้) สลัดลงที่กรวดล้างแล้วขัดไปด้วยก็ได้แล้วแต่ถนัด (วิธีนี้ช่างทำกรวดล้างเขาใช้กันอยู่) แต่ถ้าพื้นกรวดล้างสกปรกมาก เช่น มีคราบดินหรือตะไคร่มากก็ควรล้างและขัดออกด้วยน้ำยาเป็ดและฉีดน้ำล้างออกให้สะอาดก่อน ปล่อยให้พื้นหมาดๆก่อนแล้วค่อยล้างด้วยกรดเกลืออีกที แต่วิธีนี้ก็ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง อย่าให้กรดเกลือโดนร่างกาย ควรสวมถุงมือ, รองเท้าบู๊ทยาง, ใส่เสื้อผ้าให้ปกปิดร่างกายนะคะ ไม่ควรสัมผัสโดยตรง(แปรงถูพื้นก็ควรใช้แปรงแบบด้ามยาม) เมื่อล้างหรือถูเสร็จแล้วก็เอาน้ำฉีดล้างอีกทีหนึ่งก็เป็นอันจบ (สำหรับการล้างแบบนี้ก็ล้างซักปีละครั้งสองครั้งก็พอ)


***สำหรับกรดเกลือหาซื้อได้ตามร้านขายวัสดุก่อสร้างทั่วไป ,วิธีใช้ก็ดูตามคำแนะนำของผู้ผลิตเลยค่ะ
***ตอนนี้มีน้ำยาสำหรับเคลือบผิวหน้าเพื่อยืดอายุและปกป้องพื้นผิวกรวดล้าง ใช้ทาเคลือบผิวพื้นไว้ป้องกันเชื้อราได้ด้วย น้ำยาตัวนี้ก็ใช้ทาพวกพื้นบล็อกตัวหนอนที่เป็นสีมีลวดลายต่างๆก็ได้ ช่วยปกป้องผิวพื้นให้สึกกร่อนช้าลง หรือพวกหินขัดก็ทาเคลือบได้นะ แต่ไม่ได้หมายความว่าทาครั้งเดียวแล้วจะปกป้องได้ตลอดไปนะเพราะพื้นนั้นมีการใช้งานตลอดมีการเสียดสี โดยเฉพาะเมื่อเราทำพื้นกรวดล้างที่ถนนเข้าบ้านหรือพื้นตรงที่จอดรถ ดังนั้นน้ำยาเคลือบผิวจะปกป้องได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของพื้นที่นั้น เมื่อถึงเวลาหนึ่งน้ำยาที่เคลือบไว้ก็จะสึกกร่อนออกไป ก็ต้องล้างทำความสะอาดพื้นกรวดล้างแล้วเคลือบใหม่ค่ะ

– มีคนสงสัยว่าถ้าใช้กรดเกลือล้างพื้น จะทำให้เม็ดกรวดหลุดออกหรือไม่ ไม่หลุดออกค่ะเพราะเป็น
กรดเกลือแบบอ่อนที่เขาเจือจางมาแล้ว มันก็จะกัดเฉพาะคราบตะไคร่ หรือคราบเชื้อราออก (เวลาช่างทำพื้นชนิดนี้เสร็จเขาก็จะใช้ล้างเอาคราบฝ้าขาวๆของน้ำปูนออกจากเม็ดกรวด)

สาเหตุที่เม็ดกรวดจะหลุดร่อนออกมา

1.ในขณะช่างล้างผิวหน้าพื้น สลัดน้ำล้างแฉะเกินไป(ล้างเอาเนื้อปูนออกเยอะเกินไป)ทำให้เม็ดหินโผล่ขึ้นมาจากพื้นเยอะเกินไปทำให้หลุดร่อนง่าย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีโอกาสเป็นได้น้อยเพราะเวลาทำช่างจะใช้เกรียงเหล็กหนาๆตบให้เม็ดกรวดเรียบแน่นอยู่แล้ว หรือถ้าช่างตบไม่แน่นพอทำให้ปูนไม่แทรกอยู่รอบๆเม็ดกรวดโดยเฉพาะเม็ดบนสุดก็มีโอกาสหลุดได้บ้าง (แต่ก็จะหลุดน้อยแค่เฉพาะเม็ดบนบางเม็ด)
2.การใช้แปรงลวดขัดถูแรงๆ มันก็เหมือนเอาอะไรแข็งๆไปแซะเม็ดกรวดให้หลุดออกมานะคะ แต่ก็มีโอกาสน้อยมากถ้าช่างตบเม็ดกรวดได้แน่นและทำให้ปูนซึมหุ้มรอบเม็ดกรวดไว้ทั้งเม็ด(และไม่ล้างปูนผิวหน้าพื้นออกลึกเกินไป) มันก็จะไม่หลุดร่อนง่ายๆ

สรุปว่า โอกาสที่เม็ดกรวดจะหลุดได้นั้นเปอร์เซ็นสูงขึ้นอยู่ที่ช่างทำพื้น ถ้าทำไม่ดีก็มีโอกาสหลุดร่อน ถ้าช่างทำดีตบเม็ดกรวดได้แน่นและอย่าเอาแปรงลวดไปขัดล้าง โอกาสหลุดร่อนก็แทบไม่มีเลยสำหรับการล้างทำความสะอาดพื้นกรวดล้างแบบนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก foreman blog
ขอบคุณภาพจาก google

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

3 สเต็ปสลายพุง ลดความอ้วน



เราจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้หลายคนอาจยังเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แถมยังเผลอทานอาหารตามใจปาก ซึ่งอาหารที่ทานเข้าไปนั้นก็จะเป็นพวกขนม ของหวานต่างๆ ที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อทานเข้าไปมากๆ แล้วไม่ได้มีการเบิร์นออกอย่างสมดุล นานวันเข้ามันก็จะสะสม ทำให้คุณ อ้วนลงพุง และนำคุณไปสู่โรคอ้วนอย่างสมบูรณ์แบบยังไงล่ะคะ

ภาวะอ้วนลงพุง เป็นกลุ่มความผิดปกติที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง ซึ่งในประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าพบมากในกลุ่มเด็ก และผู้ใหญ่วัยกลางคน โดยความผิดปกตินี้จะสามารถสังเกตได้จากขนาดเส้นรอบเอวที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลสูง รวมทั้งความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเก๊าท์ ต้อกระจก ไขข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทั้งนี้อาจลุกลามไปสู่การป่วยที่รุนแรงขึ้น อย่างการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเบาหวานได้ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจ เช่น อาการสมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้าหดหู่ด้วย

สาเหตุหลักของการป่วยเป็นโรคอ้วน เกิดจากการขาดการออกกำลังกาย  การรับประทานอาหารที่ขาดสมดุล ภาวะความเครียดและปัจจัยที่น่ากังวลอื่นๆ ที่มาจากไลฟ์สไตล์ที่เคร่งเครียดและเร่งรีบในปัจจุบัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่ภาวะอ้วนลงพุงได้ค่ะ

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ในหลวง ร.9ในทรรศนะของชาวต่างประเทศ




ช่วงนี้อยากจะบอกว่าสิ่งดีๆที่ทำความประทับใจต่อเรา เราก็อยากจะเก็บบันทึกเรื่องราวไว้เพื่อวันหนึ่งจะได้มีส่วนในการเผยแพร่สิ่งดีๆให้แก่ลูกหลานในภายภาคหน้า อยากให้ทุกคนได้รับรู้แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ความดีนั้นๆก็จะจารึกในความทรงจำตลอดไป เชื่อว่าเราคนไทยทั้งประเทศทราบดีถึง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพ่อหลวง ซึ่งไม่ได้ส่งมาถึงแต่คนไทยเท่านั้น แต่ยังส่งไปถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย จะเห็นได้จากบทสัมภาษณ์ของชาวต่างชาติที่มีความรักและเทิดทูนในพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย เราจึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ให้ได้รับรู้ ทั่วถึงกันนะคะ

เดวิด โมห์เซนี่ -นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

“กษัตริย์ของประเทศไทย เป็นพระประมุขพระองค์เดียวที่ยังคงสามารถรักษาอำนาจอธิปไตยของประเทศของพระองค์ไว้ได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งพิเศษมากสำหรับประเทศไทย นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชบัลลังก์อยู่ยาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ พระองค์ใดเท่าที่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ดูเหมือนว่าคนไทยมีเหตุผลดีพอที่จะรักพระองค์อย่างไม่จางหาย… “

แอนดี้ แคนฟีลด์ ร้อยเอ็ด

“ผมใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย และผมจะสวมเสื้อเหลืองในวันนี้ (9 มิถุนายน 2549) พระมหากษัตริย์ไทยของเราเป็นบุคคลอัศจรรย์ เป็นนักบุญ สามารถเทียบเคียงได้กับองค์ทะไลลามะ หรือองค์พระสันตะปาปา พระองค์ทรงพระราชทานแรงบันดาลใจทุกอย่างให้กับเรา แม้กระทั่งกับผู้ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับผม ที่ถือกำเนิดในดินแดนอื่น แต่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ “

เดวิด-ยอร์ก สหราชอาณาจักร

“ควรตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ในขณะที่คนไทยนั้นให้ความเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด แต่กลับเป็นบุคลิกภาพ และการอุทิศพระองค์ โดยปราศจากเงื่อนไขขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่กอรปกันขึ้นเป็นรากฐานของความชื่นชมเคารพ ยกย่องในพระองค์อย่างลึกซึ้ง และใหญ่หลวงอย่างที่พระองค์สมควรได้รับ”

สตีฟ-ลอนดอน สหราชอาณาจักร

“ผมใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯมาเป็นเวลา 4 ปี และผมคงจำเป็นต้องบอกว่า การแสดงออกถึงความเคารพ และเทิดทูนที่คนไทยมีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทยนั้น เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ประชาชนสหราชอาณาจักรควรเรียนรู้จากพวกเขาให้มากเข้า ไว้”

โธมัส บราวน์-ว็อกซอลล์ ลอนดอน สหราชอาณาจักร

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระองค์อย่างชนิดที่ควรค่าอย่างยิ่งต่อการได้รับความเคารพรักจากปวง ชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมที่คนไทยทุกคนสามารถพึ่งพิงได้ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างกันเองมากมาย แค่ไหนก็ตาม ซึ่งไม่มีใครอื่นสามารถทำได้เช่นนี้ … ผมคิดว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงแสดงบทบาทในแง่ของการให้ความคุ้มครอง และยึดถือรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ผู้ที่ปฏิเสธเสรีภาพ ผมอยากให้ทหารของเราต่อสู้ เพื่อพระราชาหรือพระราชินี และประเทศชาติ แทนที่จะเป็นรัฐสภา และรัฐบาล”

ศาสตราจารย์แมนเฟรดคราเมสเยอรมัน

ผมรู้สึกสงสารพระองค์อย่างสุดซึ้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นเพียงบุคคลเพียงคนเดียวที่พยายามจะ พัฒนาประเทศชาติ ในขณะที่คนอื่นๆ ในชาติได้แต่เฝ้ารอให้สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นโดยที่มิได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ ซึ่งผมคิดว่าการพัฒนาประเทศในรูปแบบนี้ไม่น่าจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้
ผมมีโอกาสได้อ่านบทความมากมายในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยท่านหนึ่ง ผู้ที่นำพาประเทศไทยเข้าสู่สนามแห่งธุรกิจ เราพบเห็นนักการเมืองส่วนมากในเอเชียที่หลังจากครองอำนาจและได้ผลประโยชน์ แล้วก็ไม่ช่วยเหลืออะไรประชาชนเลย นั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะคำสอนของพระองค์ตรงข้ามกับสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นกำลังเป็นอยู่ พวกเขาจึงทำให้พระองค์ทรงทุกข์ใจ โดยเสแสร้งว่าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงการสร้างภาพไม่ใช่ความจริง พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะใช้ภาพแห่งความจงรักภักดีนี้เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชน เทคะแนนให้ในการเลือกตั้ง และขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมาเท่านั้น
กล่าวถึงความรู้สึกต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาวต่างชาติที่อยู่รอบตัวผม สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานาน พวกเขาจะชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างมาก โดยพื้นฐานแล้วชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศไทยมีทัศนคติในด้านบวกกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่เราไม่ได้เทิดทูนในลักษณะเดียวกับที่คนไทยเป็นอยู่

มาร์ติน วีลเลอร์สหราชอาณาจักร

คนไทยโชคดีมากๆ ที่ได้ในหลวงเป็นผู้นำพระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมากเพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวงแต่ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่านบอกมา 27 ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิตไม่ได้ทำตามในหลวงก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน  ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิดของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงต้องอาศัยพลังแผ่นดินทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย

Darryl N. Johnsonจาก LATIMESสหรัฐอเมริกา

ที่ได้กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงมีบทบาทในการปกครองประเทศ อันที่จริงแลัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิทรงใช้อำนาจในการปกครองและมิทรง เลือกข้างทางการเมือง เฉกเช่นเดียวกับสมเด็จพระราชินีอังกฤษและสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเพียงสัญญลักษณ์และมีหลักธรรมาภิบาล มิได้เป็นอำนาจเพื่อการเมืองการปกครอง แม้ในครั้งที่พระองค์ทรงเข้าแทรกแซงในการเผชิญหน้าทางการเมือง ดังเช่นที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ก็ ทรงทำเพื่อมิให้เกิดการนองเลือดและเพื่อให้เกิดการรอมชอมและความสมัครสมาน สามัคคีของคนในประเทศ แต่มิได้ทรงมีพระบรมราชโองการว่าให้ดำเนินนโยบายอย่างไรหรือผู้ใดควรเป็นผู้ปกครองประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุด ในโลกที่มีพระชนม์ชีพในปัจจุบันและยาวนานที่สุดในโลกทั้งหมด จากการครองราชย์ยาวนานกว่า 62 ปี พระองค์ทรงได้รับความชื่นชมและความจงรักภักดีจากพสกนิกรของพระองค์ในแบบ อย่างที่ชาวตะวันตกยากจะอธิบายได้ พระองค์ทรงมีบทบาทเฉพาะในสังคมไทยในอันที่ทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ทั้งประเทศ ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ เป็นลุงผู้อารี ผู้ส่งเสริมให้กำลังใจประชาชนทั้งในยามสุขและในยามทุกข์ยาก เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นผู้นำทางจิตใจในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

คนต่างชาติยังรู้ว่าทำไมคนไทยรักในหลวงมากมาย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยไม่กี่ปี เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่คนไทยหลายสิบล้านคน   รักในหลวงพร้อมจะปกป้องท่านด้วยชีวิต

-ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
-ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
-ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
-ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ์ คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
-สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทยโดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทย เป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์
-ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
-พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก "การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง

อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ จะเห็นว่าท่านทำให้ลูกๆของท่านแบบไม่ต้องการสิ่งตอบแทนเลย  ขออย่างเดียวคือให้ลูกๆทุกคนรักกัน สามัคคีกัน หวังว่าเราลูกๆหลานๆคงเข้าใจถึงสิ่งที่ชาวต่างชาติได้สื่อไว้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจากกูเกิ้ล

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

จารึกในความทรงจำมิรู้ลืม



ผ่านเดือนแห่งการน้อมอาลัยพ่อหลวง # น้อมเสด็จสู่สวรรคาลัย มาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็เตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว หนึ่งปีสำหรับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทยในทั่วหล้า บอกได้คำเดียวว่าอยากให้เป็นเพียงแค่ฝัน ว่ามั้ยคะ????  เมื่อตะวันลับลาฟ้าก็หมองมืดหม่น หัวใจของชาวไทยทั้งประเทศแตกสลายลงเมื่อได้ทราบถึงการสวรรคตของพ่อหลวง  เราทุกคนจดจำไม่มีวันลืมกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายหลังวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ความเศร้าเสียใจกระจายไปทั่วทุกหนแห่งและอีกเหตุการณ์ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่จะต้องจารึกเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย นั่นก็คือชาวไทยร่วมใจกันเข้าพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพ่อหลวงเป็นจำนวนมาก ก่อนถึงวันพระราชพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ได้จัดให้มีการสร้างพระเมรุมาศขึ้นที่สนามหลวง



วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559 จะมีพิธีบวงสรวงพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์พระราชรถและพระยานมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโดยจะมีพลเอกธนะศักดิ์ปฏิมาประกรรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีนี้ ส่วนในพิธียกเสาเอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธียกฉัตรจะเชิญเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นประธาน และมีพิธีตอกหมุดจุดกึ่งกลางพระเมรุมาศในเดือนธันวาคม ณ ท้องสนามหลวง

ในการดำเนินงานการสร้างพระเมรุมาศ กรมศิลปากรได้ออกแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ การออกแบบพระเมรุมาศและอาคารประกอบในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ยึดหลักแนวคิดในการออกแบบคือ

1.ออกแบบและจัดสร้างพระเมรุมาศอย่างสมพระเกียรติเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

2.ศึกษาและออกแบบตามหลักโบราณราชประเพณีการสร้างพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

3.ศึกษาและออกแบบโดยใช้แนวคิดคติไตรภูมิตามคัมภีร์พุทธศาสนาและคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์ในสถานะเสมือนสมมติเทพตามระบอบเทวนิยม











ตามคติความเชื่อพระเมรุมาศเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสำหรับการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ถือเป็นสิ่งแสดงพระเกียรติยศในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ สร้าง ณ ท้องสนามหลวง เพื่ออัญเชิญพระบรมศพจากพระบรมมหาราชวัง ด้วยกระบวนพระราชอิสริยยศออกไปประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงบนอาคารพระเมรุมาศ

การจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงสร้างพระเมรุมาศ เป็นราชประเพณีที่แฝงคติความเชื่อแบบพราหมณ์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมุติเทพซึ่งสถิตบนเขาพระสุเมรุ อันล้อมรอบด้วยเขาสัตบริภัณฑ์ และเมื่อจุติลงมายังมนุษย์โลกเป็นสมมุติเทพ เมื่อสวรรคตจึงตั้งพระบรมศพบนพระเมรุมาศ หรือพระเมรุ เพื่อเป็นการส่งพระศพ พระวิญญาณกลับสู่เขาพระสุเมรุดังเดิม

ความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุปรากฏในไตรภูมิเป็นเรื่องของภูมิจักรวาลมีลักษณะเป็นที่อยู่ของเทวดาตีนเขาเป็นป่าหิมพานต์จากความคิดนี้จึงได้จำลองพระเมรุมาศเป็นเสมือนเขาพระสุเมรุและสัตบริภัณฑ์เพื่อส่งเสด็จสู่ทิพยวิมานโดยสถานที่ประกอบพิธีเดิมนั้นมักเรียกกันว่า ทุ่งพระเมรุ ซึ่งปัจจุบัน คือท้องสนามหลวง

ต่อไปขอนำภาพในความทรงจำ ในวันงานมาเก็บรวบรวมไว้ในบทความนี้ ขอบคุณเจ้าของภาพทั้งหลายที่นำมาเผยแพร่และแบ่งปันให้แก่เพื่อนๆนะคะ


































ขอขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด เจ้าของภาพและวิดีโอจากยูทูปค่ะ












วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ภาพพ่อที่ฉันรัก

สมัยก่อนผู้เถ้าผู้แก่มักจะบอกและสอนให้ลูกๆหลานๆกราบรูปของ “ในหลวง”ทุกวัน"รูปที่มีทุกบ้าน"
ท่านจะะบอกเสมอว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ ๙ ท่านเป็นเทวดาที่มีลมหายใจ…ที่ประชาชนคนไทยได้พอมีกินอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะว่าพระองค์ท่าน ดูแลคนไทยมานานเหลือเกิน...จากภาพพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นพระองค์ผู้ซึ่งไม่เคยหยุดพัก ผู้ซึ่งไม่เคยถือพระองค์ ไม่เคยแบ่งชั้นวรรณะ ภาพต่างๆ ที่หลายคนได้มีโอกาสเห็น  หากกลับมาย้อนดูอีกตอนนี้ คงมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ซึ่งเป็นน้ำตาแห่งความสุขและความเสียใจ







ภาพที่เราได้นำมา เป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น และเชื่อว่าคนไทยทุกคน“รักในหลวง”เพราะพระองค์คือ“พ่อของแผ่นดิน”ของคนไทยทั้งชาติ ซึ่งคำว่า ” รักในหลวง” แม้ดูจะกลายเป็นคำพูดที่ติดปากกันไปแล้ว จนกระทั่ง ณ เพลานี้ก็ตาม…แต่เชื่อว่ามันยังคงเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนอยากจะพูดคำนี้ตลอดไป

 ภาพทุกภาพที่นำมา สื่อความหมายโดยไม่ต้องการคำบรรยาย และเป็นส่วนหนึ่งของภาพที่เราชอบมากๆ เลยขออนุญาตเก็บบันทึกไว้ในบล็อกส่วนตัว สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายเป็นอย่างสูงที่นำมาเผยแพร่ให้เราได้มีโอกาสชื่นชมด้วยค่ะ











ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บทความดีดีดอทคอม
ขอร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

ขขออบคุณข้อมูลและภาพบางส่วนจาก ผู้หญิงอยากรู้, โอเคเนชั่น, และภาพที่เพื่อนๆ ส่งต่อกันมาตามสื่อโซเชียล, ขอบคุณเจ้าของไฟล์โลโก้สวยๆ

วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2560

น้อมอาลัย...ธ เสด็จสู่สวรรค์ ณ ชั้นฟ้า


               วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นวันที่ประชาชนคนไทยต่างมีความรู้สึกโศกเศร้าอาลัยกันถ้วนหน้า เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา ๑๕.๕๒ น. นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่คนไทยมิอาจลืมเลือน เพราะนอกจากพระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทยทั้งชาติแล้ว พระองค์ยังทรงเป็น"พ่อของแผ่นดิน" อันเป็นที่รักยิ่งของลูกหลานไทยทุกคน   โดยการนี้จึงขอย้อนรำลึกเหตุการณ์"ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสู่สวรรคาลัย" ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ มา ณ ที่นี้


สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ ๓๘ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจแต่งกายสวมเสื้อสีชมพูและสีเหลือง เดินทางมาที่บริเวณศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ร่วมกันสวดมนต์โพชฌังคปริตร เพื่อถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ และต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" จนดังกึกก้อง

                                  วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม  ๒๕๕๙

๐๗.๐๐ น. เสียงสวดมนต์ดังกระหึ่มโรงพยาบาลศิริราช

บรรยากาศที่ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่ช่วงเช้า พสกนิกรไทยพร้อมใจกันมาสักการะสวดมนต์ ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อถวายพระพรชัยมงคลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว พสกนิกรบางส่วนยังได้บูชาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนั่งสวดมนต์อย่างสงบ ด้วยการหันหน้าไปยังตึกที่ประทับ ขณะเดียวกัน ภายในโรงพยาบาลศิริราชยังได้เปิดเพลงเกี่ยวกับพ่อ ขับร้องโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินนักร้องชื่อดังอีกด้วย

๑๔.๒๐ น. บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบงัน

การไหว้แม่ย่านางรถ

อย่างที่รู้กันว่าความเชื่อของคนไทยเมื่อไรที่ออกรถมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือรถมือสองก็จะเคารพนับถือและบูชาแม่ย่านางรถซึ่งเป็นสิ่งศ...

บทความน่าสนใจ