วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นวันที่ประชาชนคนไทยต่างมีความรู้สึกโศกเศร้าอาลัยกันถ้วนหน้า เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา ๑๕.๕๒ น. นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่คนไทยมิอาจลืมเลือน เพราะนอกจากพระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทยทั้งชาติแล้ว พระองค์ยังทรงเป็น"พ่อของแผ่นดิน" อันเป็นที่รักยิ่งของลูกหลานไทยทุกคน โดยการนี้จึงขอย้อนรำลึกเหตุการณ์"ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จสู่สวรรคาลัย" ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ มา ณ ที่นี้
สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ ๓๘ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจแต่งกายสวมเสื้อสีชมพูและสีเหลือง เดินทางมาที่บริเวณศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ร่วมกันสวดมนต์โพชฌังคปริตร เพื่อถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ และต่างพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" จนดังกึกก้อง
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
๐๗.๐๐ น. เสียงสวดมนต์ดังกระหึ่มโรงพยาบาลศิริราช
บรรยากาศที่ศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่ช่วงเช้า พสกนิกรไทยพร้อมใจกันมาสักการะสวดมนต์ ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อถวายพระพรชัยมงคลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว พสกนิกรบางส่วนยังได้บูชาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนั่งสวดมนต์อย่างสงบ ด้วยการหันหน้าไปยังตึกที่ประทับ ขณะเดียวกัน ภายในโรงพยาบาลศิริราชยังได้เปิดเพลงเกี่ยวกับพ่อ ขับร้องโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ศิลปินนักร้องชื่อดังอีกด้วย
๑๔.๒๐ น. บรรยากาศรอบตัวเริ่มเงียบงัน
สำนักพระราชวังประกาศงดลงนามถวายพระพร ณ ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง พร้อมขอให้ประชาชนนับร้อยคนเคลื่อนย้ายออกจากศาลาฯ บรรยากาศรอบตัวเริ่มหม่นหมอง พสกนิกรไทยเฝ้าแต่ภาวนาเงียบๆ อยู่ในใจให้ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด แต่เสียงสวดมนต์ที่โรงพยาบาลศิริราชนั้นกลับดังกึกก้องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างเดินทางมารวมตัวกันเพื่อส่งกำลังใจให้พระองค์
๑๘.๔๗ น. ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง
สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะนั้น แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรยังคงทรุดหนักลงตามลำดับ และเสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลศิริราช เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๒ นาที ของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ สิริพระชนมพรรษาปีที่ ๘๙ ทรงครองราชสมบัติได้ ๗๐ ปี
๑๘.๕๒ น. เสียงร่ำไห้สะท้านสะเทือนแผ่นดินไทย
เมื่อสิ้นเสียงประกาศแถลงการณ์จากสำนักพระราชวัง ทุกอย่างเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนที่พสกนิกรไทยจะร่ำไห้กันระงมโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนทั่วประเทศเฝ้าติดตามข่าวสารด้วยความอาลัย ที่ต้องสูญเสีย "พ่อ" ผู้เป็นที่รักยิ่งในดวงใจไป
๑๙.๐๐ น. นายกฯ แถลงผ่านโทรทัศน์ ถือเป็นวันวิปโยคครั้งใหญ่ของชาวไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ระบุว่า วันที่ปวงชนชาวไทยไม่แม้แต่จะนึกคิด ไม่แม้แต่จะปรารถนาได้มาถึง ถือเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙
๒๑.๔๐ น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขอร่วมทำพระทัยกับประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารฯ ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า พระองค์ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมจะทรงปฏิบัติหน้าที่องค์รัชทายาทในส่วนของพระราชภารกิจต่างๆ หวังว่าทุกคนคงเข้าใจและไม่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย
๒๓.๑๐ น. พสกนิกรไทยขออยู่ใกล้พ่อในวาระสุดท้าย
บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเดินทางมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อร่วมแสดงความจงรักภักดีและถวายความอาลัย พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนแน่นขนัด แม้หลายคนจะเข้าไปยังบริเวณโรงพยาบาลไม่ได้ แต่ก็ยังคงปักหลักอยู่บริเวณโดยรอบเพื่อขอให้ได้อยู่ใกล้ "พ่อ" เป็นครั้งสุดท้าย ในค่ำคืนอันแสนหม่นหมองนี้
วันศุกร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙
๐๘.๓๐ น. ประชาชนหลั่งไหลถวายน้ำสรงพระบรมศพ
ประชาชนจำนวนมากเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งประดิษฐาน ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด ในแววตาของทุกคนล้วนเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยให้กับองค์พระประมุขที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
๑๐.๐๐ น. ถนนทุกสายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งสองฟากฝั่งเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพ
ตลอดเส้นทางที่ขบวนอัญเชิญพระบรมศพจะต้องเคลื่อนผ่าน นับตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ต่างมีประชาชนมาจับจองที่นั่งเต็มทั้งสองฟากฝั่ง เพื่อเฝ้าถวายสักการะพระบรมศพ แม้อากาศจะร้อนแต่ใจของทุกคนนั้นกลับมุ่งมั่นไม่ท้อถอย ขอเพียงให้ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด
๑๕.๕๖ น. เริ่มเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมศพ
ขบวนอัญเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช สู่พระบรมมหาราชวัง โดยรถตู้ทะเบียน ๑ด๐๙๒๙ ซึ่งรถของสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร นำขบวนอัญเชิญพระบรมศพฯ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จตามพระบรมศพ ตลอดเส้นทาง มีกำลังพล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวน ๒,๒๐๖ นาย ถวายการรักษาความปลอดภัย
สองข้างทางมีพสกนิกรที่มาเฝ้าสองข้างทางนับแสนคน หมอบกราบลงกับพื้น ตลอดเส้นทางของการเคลื่อนพระบรมศพออกจาก รพ.ศิริราช เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เสียงสะอื้นไห้ดังระงมไปพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย บ่งบอกถึงความอาลัยจากทุกดวงใจแด่ ธ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น