ภาวะอ้วนลงพุง เป็นกลุ่มความผิดปกติที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างจริงจัง ซึ่งในประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าพบมากในกลุ่มเด็ก และผู้ใหญ่วัยกลางคน โดยความผิดปกตินี้จะสามารถสังเกตได้จากขนาดเส้นรอบเอวที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลสูง รวมทั้งความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเก๊าท์ ต้อกระจก ไขข้อเสื่อม และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทั้งนี้อาจลุกลามไปสู่การป่วยที่รุนแรงขึ้น อย่างการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงเบาหวานได้ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจ เช่น อาการสมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้าหดหู่ด้วย
สาเหตุหลักของการป่วยเป็นโรคอ้วน เกิดจากการขาดการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ขาดสมดุล ภาวะความเครียดและปัจจัยที่น่ากังวลอื่นๆ ที่มาจากไลฟ์สไตล์ที่เคร่งเครียดและเร่งรีบในปัจจุบัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่จะทำให้คุณก้าวเข้าสู่ภาวะอ้วนลงพุงได้ค่ะ
อายุ – ยิ่งอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่จะอ้วนลงพุงได้ง่ายขึ้น
เพศ – เพศชายเสี่ยงที่จะอ้วนลงพุงมากกว่าเพศหญิง
เชื้อชาติ – คนเอเชียมีความชุกที่จะอ้วนลงพุงได้ง่ายกว่าเชื้อชาติอื่น
ยีนหรือพันธุกรรม – มีโอกาสอ้วนลงพุงสูงขึ้น หากพ่อแม่มีภาวะอ้วนลงพุงด้วย
ระดับชั้นในสังคม – คนที่อยู่ในชนชั้นล่างและมีการศึกษาน้อยมีโอกาสอ้วนลงพุงได้ง่ายกว่า
การรับประทานอาหาร – อาหารที่คุณรับประทานมีส่วนสำคัญอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น อาหารเมดิเตอร์เรเนียนช่วยลดโอกาสเสี่ยงของภาวะอ้วนลงพุงได้ถึงร้อยละ 20
การออกกำลังกาย – การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงลงได้ร้อยละ 25
อาหารที่บำรุงร่างกายและดีต่อสุขภาพที่อยากจะแนะนำ คือ ถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดจากพืช แถมยังพบได้ทั่วไปในอาหารไทย งานวิจัยเชิงคลินิกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเยอรมนี ศึกษาร่วมกับเฮอร์บาไลฟ์ ช่วยยืนยันถึงคุณประโยชน์ของถั่วเหลืองและโปรตีนถั่วเหลืองที่มีต่อร่างกาย เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง ไอโซฟลาโวน (isoflavone) และซาโปนิน (saponin) รวมถึงกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน อีกทั้งปราศจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่พบในโปรตีนจากสัตว์ โปรตีนที่ครบสมบูรณ์เช่นนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยควบคุมระดับความดันเลือดและคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำหนักตัว ลดโอกาสเสี่ยงของโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และช่วยเพิ่มมวลกระดูกได้เป็นอย่างดี
การออกกำลังกายก็เป็นกุญแจสำคัญ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี เพราะการออกกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและทำงานได้ดีขึ้น เมื่อหลอดเลือดทำงานได้ดี เลือดก็จะไหลเวียนได้ดีและไปหล่อเลี้ยงบำรุงหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไนตริกออกไซด์ที่จำเป็นต่อการควบคุม ดูแลและปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ยิ่งไปกว่านั้น การพักผ่อนให้เพียงพอก็เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์สุขภาพดี เราต้องจำไว้เสมอว่า การนอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพก็ช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจ และเอื้อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีได้เช่นเดียวกัน
หากคุณพักผ่อนให้เพียงพอ ได้รับโภชนาการที่ดี และมีเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงได้เป็นอย่างดี พึงจำไว้เสมอว่าโภชนาการที่สมดุลเป็นสิ่งสำคัญที่มีช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน อาหารที่มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และน้ำในระดับที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงและน้ำหนักที่พอดี แถมช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศ.ดร. ชิน-คุน หวัง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเมตาบอลิซึมและโภชนาการ
โรคอ้วน เป็นอาการของการ “อ้วนลงพุง” ที่เป็นภาวะที่มีไขมันสะสมอยู่ในร่างกายในปริมาณมาก โดยไขมันแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่จะพบบริเวณใต้ผิวหนังเท่านั้น ส่วนไขมันอีกชนิดหนึ่งอันตรายและน่ากลัวมาก เพราะมันจะสะสมอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น ตับ ตับอ่อน ลำไส้ และหัวใจ ซึ่งการมีไขมัน 2 ชนิดอยู่ในร่างกายมากๆ ก็ถือว่าเป็นโรค เพราะมันจะปลุกโรคร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้น เช่น โรคเบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือดตีบตัน โรคหัวใจล้มเหลว โรคมะเร็งลำไส้ หรือโรคที่เป็นภัยเงียบอย่างภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
แม้จะเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่ติดต่อ แต่ก็เป็นโรคที่เราสร้างขึ้นมาเอง จากพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เร่งรีบและละเลย ไม่เอาใจใส่เรื่องการรับประทานอาหาร ไม่ออกกำลังกาย ไม่พักผ่อนให้เพียงพอ และมีความเครียดสูง ใครที่มีพฤติกรรมเหล่านี้สะสมเป็นแรมปี ทุกคนจะเริ่มมีสัญญาณเตือนคือการอ้วนลงพุง จากนั้นโรคพวกนี้ก็จะค่อยๆ เข้ามาหาคุณในที่สุด
วิธีการลดความอ้วนที่ดีที่สุด
1. ควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย
คุณควรออกกำลังกายต่อเนื่องครั้งละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งการออกกำลังกายระดับปานกลาง 2 ชนิดที่ทั้งโลกแนะนำคือ ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เพราะจะไม่มีการปะทะ หรือกระแทกต่อกระดูก ควบคู่ไปกับการทำเวทเทรนนิ่ง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ดูแลปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ
ท่องเอาไว้ในใจเลยว่า “หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น เว้นดึก” เนื่องจากมื้อเช้าเป็นมื้อที่ทานได้มากที่สุดของวัน เพราะร่างกายพักผ่อนนอนหลับ ขาดอาหารมา 7 ชั่วโมง ส่วนมื้อเที่ยงทานได้เป็นครึ่งหนึ่งของมื้อเช้า มื้อเย็นไม่แนะนำให้อด แต่ควรเน้นทานผักและโปรตีน งดแป้งและผลไม้หวานๆ ทุกชนิด ไม่ทานหลัง 6 โมงเย็น ที่สำคัญให้จำกัดเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูงด้วย
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
คุณควรสร้างระเบียบวินัยในการนอนของคุณด้วยการเข้านอนให้เป็นเวลา โดยควรเข้านอนตั้งแต่ 4-5 ทุ่ม ปฏิบัติแบบนี้ทุกๆ วัน ก็จะทำให้ร่างกายพักผ่อนเป็นเวลา และนอนได้อย่างเต็มที่ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ หาวิธีผ่อนคลายเสียบ้าง อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเครียดเป็นเวลานานๆ เพราะมันจะทำให้สุขภาพจิตแย่ลงไปอีก
เพียง 3 สเต็ปง่ายๆ ก็จะช่วยให้คุณมีหุ่นที่ดูเป๊ะ แถมได้สุขภาพดีๆ กลับมาอีกด้วย อย่าลืมเอาไปทำตามกันนะคะ รับรองว่าเฟิร์มแน่นอนค่ะ
ที่มา : https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/health-tips/stop-obesity
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น