แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไม้มงคล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ไม้มงคล แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

ไม้หอม...ต้นประยงค์



ต้นประยงค์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ โดยจัดเป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทรงพุ่มทึบค่อนข้างกลม มีความสูงของต้นประมาณ 2-3 เมตรและสูงไม่เกิน 5 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่ง และวิธีการเพาะเมล็ด ขึ้นได้ดีในทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ทนความแห้งแล้งได้ดีมาก แต่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน เพราะจะช่วยทำให้มีทรงพุ่มสวยงาม

ใบประยงค์ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 5 ใบ (บางใบอาจมีใบย่อยเพียง 3 ใบ) ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายใบมน โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผิวใบเป็นสีเขียวเข้มหลังใบและท้องใบเรียบ ก้านใบแผ่ออกเป็นปีก





ดอกประยงค์ ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร โดยจะออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ในแต่ละช่อดอกจะประกอบไปด้วยดอกย่อยขนาดเล็กมากกว่า 10 ดอก ดอกย่อยเป็นสีเหลืองและมีกลิ่นหอมแรง ลอยไปได้ไกล (แม้ดอกแห้งก็ยังมีกลิ่นหอมอยู่) มีกลีบดอก 6 กลีบ กลีบดอกซ้อนกันไม่บานออก ลักษณะเป็นรูปทรงกลมเล็กคล้ายไข่ปลาสีเหลือง สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดทั้งวัน

ผลประยงค์ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี มีขนาดประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเกือบดำ ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล 1-2 เมล็ด

สรรพคุณของประยงค์ในประเทศฟิลิปปินส์จะใช้รากและใบนำมาต้มเป็นยาบำรุงร่างกาย (รากและใบ)ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้ผอมแห้งแรงน้อย (ราก)ดอกมีรสเฝื่อนขมเล็กน้อย ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้หูตาสว่าง จิตใจปลอดโปร่ง แก้อาการเมาค้าง (ดอก)รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ (ราก)ดอกช่วยดับร้อน แก้อาการกระหายน้ำ (ดอก) ยาชงจากดอกใช้ดื่มแบบน้ำชาจะเป็นยาเย็น สรรพคุณเป็นยาแก้ไข้พุพอง (ดอก)ช่วยแก้อาการไอ (ดอก) แก้ไอหืด (ดอก)รากช่วยแก้เลือด แก้กำเดา (ราก) รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้รับประทานเป็นยาทำให้อาเจียน (ราก),ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด (ราก) ใช้เป็นยากวาดเด็ก แก้เสมหะด่าง (ดอก)

ช่วยลดอาการอึดอัดแน่นหน้าอก (ดอก)ช่วยฟอกปอด (ดอก)รากและใบใช้แก้โรคที่เกี่ยวกับทรวงอก อาการชัก และแก้ไข้ (รากและใบ)ช่วยแก้ลมจุกเสียด (ดอก)ช่วยแก้ริดสีดวงในท้อง (ดอก)ช่วยรักษากามโรค (ใบ)ใบใช้เป็นยาสำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ (ใบ)ช่วยเร่งการคลอด (ดอก)ก้านและใบมีรสเฝื่อน ใช้เป็นยาพอกแก้แผลบวมฟกช้ำจากการหกล้มหรือถูกกระทบกระแทก และช่วยรักษาแผลฝีหนองทั้งหลาย (ใบ, ก้าน)รากใช้เป็นยาถอนพิษเบื่อ ยาเมา (ราก)ช่วยแก้อัมพาต (ดอก)

หมายเหตุ : การใช้ตาม  ดอก ก้าน และใบ ให้ใช้แบบแห้ง 3-10 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม หากนำมาใช้ภายนอกให้นำมาเคี่ยวให้ข้น แล้วนำมาใช้ทาแผลบวมฟกช้ำ ส่วนวิธีการเก็บช่อดอกและใบให้เก็บในช่วงฤดูร้อนตอนออกดอก แล้วนำมาตากให้แห้ง แยกเก็บไว้ใช้


ประโยชน์ของประยงค์ดอกประยงค์แห้งสามารถนำมาใช้อบเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอม และใช้แต่งกลิ่นใบชาเช่นเดียวกับดอกมะลิ ซึ่งชาวจีนจะนิยมกันมาก นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน สวนหย่อม สวนในป่าอนุรักษ์ หรือใช้ปลูกประดับรั้ว เนื่องจากดอกมีกลิ่นหอมแรง กลิ่นลอยไปไกล ออกดอกให้ชมได้บ่อย เป็นพันธุ์ไม้ที่มีใบและทรงพุ่มสวยงาม (แต่ต้องคอยตัดแต่งกิ่งก้านสาขาบ้าง) มีความแข็งแรงทนทาน ปลูกได้ง่าย และมีอายุยืนยาว นอกจากนี้ต้นประยงค์ยังถือเป็นต้นไม้มงคล ด้วยเชื่อว่าหากปลูกไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ชีวิต ช่วยปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ช่วยเสริมดวงทางคงกระพันชาตรี เพิ่มเดชให้ตัวเอง และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้ปลูกต้นประยงค์ในวันเสาร์เพื่อเอาคุณ และควรปลูกในทางทิศตะวันตกของบริเวณบ้าน

เอกสารอ้างอิง
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 273 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า.  “ประยงค์ช่อน้อยลอยกลิ่นไกล”.  (เดชา ศิริภัทร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th.  [19 เม.ย. 2014].การประชุมวิชาการนเรศวรวิจัยครั้งที่ 3 วันที่ 28-29 ก.พ. 2550.  “ผลของสารสกัดจากใบประยงค์ต่อจำนวนเม็ดเลือด ของแมลงวันผลไม้ระยะตัวหนอน”. (กิตติ ตันเมืองปัก, พาคิน ฝั่งไชยสงค์, อาทิตย์ พิมมี).การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 41.  “การเปรียบเทียบผลของสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของต้นประยงค์ด้วยน้ำที่มีต่อการงอกและการเจริญเติบโตของวัชพืชสองชนิด”. (ยิ่งยง เมฆลอย, วิรัตน์ ภูวิวัฒน์, จำรูญ เล้าสินวัฒนา, พัชนี เจริญยิ่ง). หน้า 311-317.

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ไม้มงคลประจำบ้าน...โป๊ยเซียน


วันนี้ขอนำไม้มงคลที่ทุกบ้านควรมีไว้ มาบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมากันค่ะ นั่นก็คือโป๊ยเซียน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Euphorbia milli; อังกฤษ: Crown of thorns, Christ Thorn) เป็นหนึ่งในไม้มงคล จัดอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งเป็นสกุลเดียวกับพืชหลายชนิด เช่น ต้นคริสต์มาส และส้มเช้า

โป๊ยเซียน (八仙) มาจากภาษาจีน แปลว่าเทพยดาทั้ง 8 องค์ ได้แก่ เซียนทิก๋วยลี้ เซียนฮั่นจงหลี เซียนลือท่งปิน เซียนเจียงกั๋วเล้า เซียนหลันไฉ่เหอ เซียนฮ่อเซียนโกว เซียนหันเซียงจือ เซียนเชาก๊กกู๋ เชื่อกันว่า ถ้าบ้านใดมีดอกโป๊ยเซียนครบ 8 ดอก จะนำความโชคดีมาให้แก่บ้านของผู้นั้น

ลักษณะโดยทั่วไป



ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอกเป็นกลุ่มๆ แต่ละดอกจะมีกลีบอยู่ตรงข้ามกัน ดอกโป๊ยเซียนมีหลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู ส้ม ขาว เป็นต้น ดอกโป๊ยเซียนจะออกดอกทั้งปี แต่ออกมากในหน้าหนาว และดอกจะทนมาก ลำต้นมีหนามแหลม และแข็งคล้ายกระบองเพชร

การขยายพันธุ์โป๊ยเซียน

สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การปักชำ การตอนกิ่ง การเสียบกิ่ง และการเพาะเมล็ด แต่ที่นิยมทำมากและได้ผลดีคือ การปักชำ และการเสียบกิ่ง

การดูแลรักษา

เนื่องจากโป๊ยเซียนเป็นพืชมงคล ผู้ปลูกจึงควรดูแลรักษามากเป็นพิเศษเพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจ ผู้ปลูกจึงควรปลูกในสภาพแวดล้อมที่ดี และควรจะมีการดูแลรักษาที่ดีด้วย



ดินที่นำมาปลูก ควรเป็นดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่เช่นนั้นรากโป๊ยเซียนอาจเน่าได้ ที่สำคัญควรเปลี่ยนดินทุกๆปี

แสงแดด โป๊ยเซียนเป็นพืชที่ชอบแดด จึงควรให้โป๊ยเซียนได้รับแสงแดดที่เพียงพอ ถ้ามากไปดอกจะเล็ก แต่ถ้าน้อยไปดอกจะโต ต้นจะไม่แข็งแรง








น้ำ โป๊ยเซียนทนต่อสภาพแล้งได้ดีพอสมควร จึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำทุกวัน ถ้าโป๊ยเซียนอยู่ในช่วงออกดอก ไม่ควรรดน้ำที่ดอกเพราะจะทำให้ดอกเน่าและร่วงเร็ว และหากรดน้ำมากเกินไป จะทำให้โป๊ยเซียนเป็นโรครากเน่า และเกิดเชื้อราขึ้นในดินที่ใช้ปลูก

ปุ๋ย สามารถใส่ได้ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ โดยปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยหมักจะทำให้ดินร่วนซุย ควรให้ปุ๋ยแก่โป๊ยเซียนเดือนละ 1-2ครั้ง

การตัดแต่งกิ่ง โป๊ยเซียนบางพันธุ์อาจแตกกิ่งออกมามาก ทำให้ใบอาจจะไปปิดบังแสง แล้วทำให้อากาศไม่ถ่ายเท จึงควรมีการตัดแต่งกิ่งทั้งเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก และเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้กิ่งที่ตัดออกมายังสามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิสปีชีส์

วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มาต่อภายนอกบ้านกันบ้างดีกว่า

       เรื่องตกแต่งภายในบ้านที่เป็นส่วนใหญ่ๆและต้องจ่ายเงินแยะๆผ่านไปล่ะนะ เบาตัวไปเลยซี่ หุหุหุ ก็ว่ากันไป เรื่องเงิน ครายยยว่าไม่หย่ายยยยล่ะ บอกมาซิ!!!!!




        มาว่าเรื่องของฟรีที่ทางโครงการจัดให้บ้านเรากันบ้างเนอะ ลืมบอกไปว่ามีต้นไม้รอบบ้านด้วย เค้าจัดให้ฟรีคิดรวมไปแล้วกับราคาบ้านอ่ะนะ....ต้นไม้ใหญ่ 3 ต้น  ปีบ 2 ต้น,กระโดน 1ต้น ว่าไป ปีบหอมดีแต่ใบและดอกร่วงแล้วเก็บกวาดยากส์ เลยขอเปลี่ยนจากปีบ 2 ต้น มาเป็นกันเกรา 1 ต้นใหญ่ เราคุยกะเค้าก่อนที่จะเอามาลง นานทีเดียว พอได้มาก็จับมาลงหน้าบ้านเลย ซินแสแนะนำให้ลงหน้าบ้านในตำแหน่งที่ตรงข้ามกะเสาไฟฟ้าเพื่อช่วยลดแรงปะทะ (ข้อนี้คนที่เล่นเรื่องฮวงจุ้ยเค้ารู้กันดี ) กันเกราเป็นไม้มงคลที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันมาก วันนี้จึงจะนำเรื่องต้นไม้มาบอกเล่าเก้าสิบให้เพื่อนๆฟังกันนะ อย่าเพิ่งเบื่อกันล่ะ ชีวิตเรากะธรรมชาติแยกกันไม่ออกนะ ต้นไม้ช่วยเราได้เยอะเลยนะ เวลาเหงา ยามว่างเราก็ได้ต้นไม้ช่วยผ่อนคลายจ้า เราชอบความสดใส สีเขียวขจีของต้นไม้ทำให้จิตใจเราชื่นบานและ มีอะไรให้ทำได้อีกมากมายกะต้นไม้รอบตัวเรา ยังไงลองมาส่องบล็อกเราเรื่อยๆแล้วกันเนอะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้น๊า เอาล่ะมาว่าเรื่องกันเกรากันดีกว่า

กันเกรา : ไม้ดอกพื้นบ้านดั้งเดิมของคนไทย

กันเกราเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ลำต้นสูงเต็มที่ราว ๒๐-๓๐ เมตร พบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติทุกภาคของประเทศไทยบริเวณที่ลุ่ม ริมน้ำ หรือป่าดิบ พบมากบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ กันเกรามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fagraea fragrans Roxb. อยู่ในวงศ์ Loganiaceae (บางตำราว่าอยู่ในวงศ์ Potaliaceae) ลำต้น มีเปลือกหยาบ สีน้ำตาลปนดำ แตก ระแหงเป็นร่องไม่เป็นระเบียบ ปลายกิ่งห้อยลง ใบออกเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบสีเขียวแก่ค่อนข้างหนา รูปทรงยาวรี ปลายใบแหลม โคนใบเรียว เป็นครีบไปตามก้าน ใบยาวราว ๘-๑๒ เซนติเมตร กว้างยาว ๒.๕-๓.๕ เซนติเมตร ก้านใบยาว ๑-๒ เซนติเมตร

ดอกออกเป็นช่อตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง เมื่อดอกบานใหม่ๆ เป็นสีขาว แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ดอกเป็นรูปแตรหลอดยาว ราว ๑ เซนติเมตร ปลายหลอดเป็นกลีบ ๕ กลีบ ปลายกลีบแบนมน ม้วนไปด้านหลัง มีเกสรตัวผู้ ๕ อัน ก้านเกสรตัวผู้ยาวพ้นปากดอกประมาณ ๑ เซนติเมตร ในแต่ละช่อดอกมีดอกย่อยอยู่รวมกันราว ๑๕-๒๕ ดอก ทยอยบานติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีกลิ่นหอมอยู่ได้ราว ๗ วัน ดอกกันเกราเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแรง และส่งกลิ่นไปได้ไกลที่สุดชนิดหนึ่ง แต่กลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ไม่ฉุนจัดเหมือนดอกราตรีที่หอมแรง และส่งกลิ่นไปได้ไกลเช่นเดียวกัน ผลกันเกรามีขนาดเล็กประมาณ ๐.๖ เซนติเมตร เมื่อแก่มีสีแดง







กันเกรามีเนื้อไม้สีเหลืองอ่อน ละเอียด แข็ง ทนทาน ป้องกันปลวกได้ดี คนไทยรู้จักกันเกราเป็นอย่างดีทุกภาค เพราะเป็นต้นไม้พื้นบ้านดั้งเดิมที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยนี้เอง ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ พ.ศ.๒๔๑๖ กล่าวถึงกันเกราว่า  "กันเตรา : ต้นไม้อย่างหนึ่ง แก่นทำเสาทนนัก ใช้ทำยาแก้โรคบ้าง มีอยู่ในป่า" น่าสังเกตว่าในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ เรียกกันเกราว่า กันเตรา แต่สุนทรภู่เรียกชื่อในนิราศพระบาทว่ากันเกรา เช่นเดียวกับในลิลิตตะเลงพ่าย พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ภาคเหนือและอีสานเรียก มันปลา ภาคใต้เรียก ตำเสา หรือทำเสา ส่วนภาษาอังกฤษเรียก Tembusa

ประโยชน์ของกันเกรา

เนื่องจากกันเกราเป็นต้นไม้พื้นบ้านดั้งเดิมของไทย คนไทยจึงรู้จักคุ้นเคยและใช้ประโยชน์จากกันเกราหลายด้านด้วยกัน ด้านใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค ตำราประมวลสรรพคุณยาไทยว่า ด้วยพฤกษชาติฯ ของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ สำนักวัดพระเชตุพนฯ บรรยายสรรพคุณเอาไว้ว่า "แก่น : รสเฝื่อน ฝาด ขม เข้ายาบำรุงธาตุ แก้ไข้จับสั่น แก้หืด ไอ มองคร่อ (โรคชนิดหนึ่ง เสมหะแห้งอยู่ในลำหลอดปอด) ริดสีดวง ท้องมาน แน่น หน้าอก ลงท้องเป็นมูกเลือด แก้พิษ ฝีกาฬ บำรุงม้าม แก้เลือดลมพิการ เป็นยาอายุวัฒนะ เปลือกบำรุงโลหิต ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน" ในตำราบางเล่มมีสรรพคุณเพิ่มเติมคือ "บำรุงร่างกาย แก้ปวด ตามข้อ แก้ไข้"

นอกจากแก่นแล้ว เปลือกของกันเกราก็ใช้ทำยาได้ แต่สรรพคุณน้อยกว่าแก่น หลายตำราจึงไม่ได้เอ่ยถึงสรรพคุณของเปลือกเลย เนื้อไม้กันเกรานับเป็นเนื้อไม้ชนิดดียิ่งอย่างหนึ่ง เพราะมีสีเหลืองอ่อน เนื้อละเอียด เหนียว แข็ง ทน ทานมาก ทนปลวกได้ดี ตกแต่งง่าย ขัดเงาได้งดงาม เหมาะสำหรับทำพื้นบ้าน ทำเสาเรือน (มีบรรยายไว้ใน หนังสืออักขราภิธานศรับท์ว่า "แก่น ทำเสาทนนัก" และชื่อในภาคใต้คือต้นทำเสา) ทำเครื่องเรือน ทำโลงศพของชาวจีน (หีบจำปา) เหมาะแก่การแกะสลัก เป็นต้น มีชื่อทางการค้าในภาษาอังกฤษว่า Anan แต่มีจำหน่ายในตลาดน้อย เพราะค่อนข้างโตช้า และไม่ขึ้นเป็นป่าพื้นที่กว้างใหญ่เหมือนไม้เศรษฐกิจชนิดอื่น

ในประเทศไทยถือว่ากันเกราเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง แม้ไม่ระบุให้ใช้ปลูกรอบบ้านเรือนที่อยู่อาศัย แต่ใช้เป็นไม้เสาเข็มในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร ซึ่งเสาเข็มนี้มีไม้ ๙ ชนิด ไม้กันเกราเป็นไม้มงคลอันดับที่ ๓ เชื่อว่ากันเกราช่วยปกป้องคุ้มครองและป้องกันภยันตรายต่างๆ ได้ กันเกราเป็นต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบ รูปทรงพุ่มงดงาม กล่าวคือ เมื่อยังไม่โตเต็มที่ทรงพุ่มเป็นรูปกรวยปลายมน เมื่อโตเต็มที่แล้วทรงพุ่มค่อนข้างกลม ใบเขียวเข้มเป็นมัน ปลูกง่ายแข็งแรงทนทาน เหมาะปลูกในบริเวณบ้านหรือที่สาธารณะ ประกอบกับดอกที่มีกลิ่นหอมแรง ส่งกลิ่นไปไกล ทั้งยังหอมสดชื่นไม่ฉุน จึงน่าปลูกอย่างยิ่ง แม้กันเกราจะค่อนข้างโต้ช้า แต่หากผู้ปลูกเอาใจใส่บ้างพอสมควรก็จะได้ชื่นชม รูปทรง ร่มเงา และกลิ่นหอม ภายในเวลาไม่เกิน ๑๐ ปี แล้วหลังจากนั้นก็จะได้รับคุณค่าดังกล่าวจากกันเกราไปอีกนานแสนนาน

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ไม้ต้นประดับ, คู่มือคนรักต้นไม้

      ผ่านไปแค่ 1 ต้นไม้ใหญ่ ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องต้นกระโดนกันบ้าง เอาแบบเห็นดอกเห็นผลกันไปเลย รอติดตามนะคะ ....

การไหว้แม่ย่านางรถ

อย่างที่รู้กันว่าความเชื่อของคนไทยเมื่อไรที่ออกรถมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือรถมือสองก็จะเคารพนับถือและบูชาแม่ย่านางรถซึ่งเป็นสิ่งศ...

บทความน่าสนใจ