วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

รู้จักโรคยอดฮิต...ไขมันพอกตับ

พูดถึงเรื่องสุขภาพกันบ่อยๆ ช่วงนี้เลยเอาโรคยอดฮิตที่เรียกกันติดปากว่า ไขมันพอกตับ  มาพูดคุยกันหน่อยว่าคืออะไร เป็นแบบไหน จะได้เข้าใจและป้องกันตัวเราเองให้พ้นจากภาวะของโรคนี้กันได้บ้าง
รู้ไหมว่า ด้วยพฤติกรรมการทานอาหารที่ตามใจปากมากจนเกินไป และอาหารส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะพบว่ามีไขมันเป็นส่วนประกอบเกือบทั้งนั้น รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ จึงทำให้ “ตับ” สะสมไขมันไว้ได้มาก จนบางครั้งก็เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ไขมันพอกตับ ที่อาจนำไปสู่โรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในที่สุด


ภาวะไขมันพอกตับ คือ การสะสมไขมันเข้าไปในเซลล์ตับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะส่งผลให้เนื้อตับเกิดการอักเสบ และส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย จนทำให้เกิดเป็นโรคแทรกซ้อนอื่นๆ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังต่างๆ ที่อาจเป็นโรคเดิมที่เป็นอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน ตับอักเสบจากไวรัสชนิดต่างๆ โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ ถ้าหากปล่อยให้ตับอักเสบเป็นเวลานานๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์ตับ และมีการแทนที่ด้วยพังผืด จนตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้

อาการเป็นอย่างไร?

เป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะในระยะแรกของโรค จะไม่แสดงอาการใดๆ หรือหากมี ก็เป็นอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงมากพอที่จะบ่งบอกโรคได้ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้เล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณชายโครงขวา เนื่องจากโรคที่เกี่ยวกับตับนั้น จะดำเนินโรคค่อนข้างช้า ไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 ปี จะเกิดปัญหา เพราะฉะนั้นคนที่ตรวจเจอส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ารับการเจาะเลือด ตรวจสุขภาพประจำปี หรือตรวจทางการแพทย์ด้วยเหตุผลอื่นๆ ซึ่งบางรายก็อาจตรวจพบตอนที่เป็นภาวะตับแข็งแล้วก็เป็นได้

กลุ่มไหนที่เสี่ยงเป็นโรคนี้กันล่ะ?

ผู้ป่วยโรคตับที่มีผลเลือดค่าการทำงานตับ AST/ALT มากกว่า 1 เพราะมีโอกาสเป็นโรคตับแข็งมีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ดื่มเหล้าเป็นเวลานาน ทานยาสมุนไพร ติดต่อกันเป็นเวลานาน  ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งจะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนปรกติ ถึง 4 เท่า คนอ้วนลงพุง หรือน้ำหนักเกิน  กลุ่มภาวะไขมันพอกตับที่อายุมากกว่า 45 ปี

การป้องกันทำอย่างไร?

เราสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหาร เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม หมั่นออกกำลังกายให้ร่างกายได้มีการเผาผลาญพลังงานบ้าง รวมไปถึงการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้เรายังสามารถเข้ารับวินิจฉัยภาวะไขมันพอกสะสมในตับได้ด้วยการตรวจเลือด ตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน หรือตรวจวัดปริมาณไขมันในตับได้อีกด้วยนะคะ



ที่มา : www.samitivejhospitals.com

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2560

อาหารที่เหมาะกับคนเป็นโรคไทรอยด์


โรคไทรอยด์ เป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ถ้าใครมีอาการแบบนี้ประจำ อาจลองหาอาหารต่อไปนี้มาลองทานดู เพื่อช่วยบำรุงและรักษาต่อมไทรอยด์ให้แข็งแรง เชื่อว่าทุกคนคงจะต้องรู้จักโรคไทรอยด์กันเป็นอย่างดี ซึ่งโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของต่­­­อมไทรอยด์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่เกิดการขาดฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย (ไฮโปไทรอยด์) กับ ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) ซึ่งวิธีการรักษาก็จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาติดต่อกันเป็นเวลา­­­นาน และเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด

แต่สำหรับคนที่มีอาการขาดไทรอยด์ หรือ ไฮโปไทรอยด์ หากต้องการให้การรักษาเป็นไปได้ด้วยดีมากขึ้น การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้มีอาการที่ดีข­­­ึ้นได้ อย่างเช่นอาหารที่นำมาแนะนำให้เราทราบกัน ขอบอกเลยว่าอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกา­­­ยอย่างแน่นอน

1. ไอโอดีน
   

                    ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญในระบบการทำงานของต่อมไทรอยด์ เพราะช่วยให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ได้ โดยอาหารที่มีไอโอดีนก็ได้แก่ อาหารทะเลจำพวก ปลา หอยกาบ กุ้ง หอยนางรม ไข่ กระเทียม เห็ด และเมล็ดงา เป็นต้น ดังนั้นในผู้ป่วยที่เป็นไฮโปไทรอยด์ หรือไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติจึงควรทานอาหารที่มีไอโอดีนเสริมเข้าไป

รู้จักโรคของต่อมไทรอยด์กันก่อน



ไทรอยด์ (Thyroid gland) เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบต่อมไร้ท่อตั้งอยู่ด้านหน้าของลำคอ ในส่วนหน้าต่อลูกกระเดือกหรือกระดูกอ่อนไทรอยด์ (Thyroid cartilage) มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ ประกอบด้วย 2 กลีบใหญ่คือ กลีบด้านซ้ายและกลีบด้านขวา ซึ่งทั้งสองกลีบเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วยเนื้อเยื่อบางๆที่เรียกว่า อิสธ์มัส (Isthmus) ต่อมไทรอยด์ปกติของผู้ใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 18 -30 กรัม แต่ละกลีบของต่อมไทรอยด์ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนที่กว้างที่สุดประมาณ 2 - 3 ซม. และส่วนที่หนาสุดประมาณ 0.8 - 1.6 ซม. ซึ่งต่อมไทรอยด์ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและไม่สามารถคลำพบได้
ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนสำคัญ 3 ชนิดคือ ไทรอกซีน หรือ ที4 (Thyroxine, T4) ไตรไอโอโดไธโรนีน หรือ ที3 (Triiodothyronine, T3) และแคลซิโทนิน (Calcitonin) ซึ่งเป็นฮอร์ โมนที่มีความสำคัญน้อยกว่า ฮอร์โมน ที4 และ ที3 เป็นอย่างมาก ดังนั้นโดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึง ไทรอยด์ฮอร์โมนจึงมักหมายความถึงเฉพาะฮอร์โมน ที4 และ ที3 เท่านั้น
ฮอร์โมน ที4 และฮอร์โมน ที3 มีหน้าที่สำคัญมากคือ ควบคุมดูแลการใช้พลังงานทั้งจากอาหารและจากออกซิเจนหรือที่เรียกว่า เมตาโบลิซึม (Metabolism หรือกระบวนการแปรรูปอณู) ของเซลล์ต่างๆเพื่อการเจริญเติบโต การทำงาน และการซ่อมแซมเซลล์ที่บาดเจ็บสึกหรอ และยังช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายด้วย ส่วนฮอร์โมนแคลซิโทนินมีหน้าที่ช่วยควบคุมการทำงานของเกลือแร่แคลเซียมในร่างกายให้อยู่ในสมดุล
ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมที่ทำงานโดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของต่อมใต้สมอง (Pituitary gland) และของสมองส่วนที่เรียกว่า ไฮโปธาลามัส    (Hypothalamus เป็นสมองส่วนหนึ่งของสมองใหญ่/Cerebrum โดยอยู่ในส่วนลึกกลางสมองใหญ่) ซึ่งทั้งต่อมใต้สมองและสมองไฮโปธาลามัส ยังควบคุมการทำงานของอวัยวะอื่นๆด้วยเช่น ต่อมหมวกไต รังไข่ และอัณฑะ และยังมีความสัมพันธ์กับอารมณ์และจิตใจ ดังนั้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ รวมทั้งโรค หรือภาวะผิดปกติต่างๆของต่อมไทรอยด์จึงสัมพันธ์กับการทำงานและโรคต่างๆของอวัยวะเหล่านั้น รวมทั้งความสัมพันธ์กับอารมณ์และจิตใจ
เนื่องจากฮอร์โมนแคลซิโทนินมีบทบาทน้อยมากในการดำรงชีวิตและในโรคของต่อมไทรอยด์ ดังนั้นในบทนี้เมื่อกล่าวถึงเรื่องของต่อมไทรอยด์  จึงกล่าวถึงเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับฮอร์โมน ที4 และฮอร์โมน ที3 เท่านั้น และจะรวมเรียกฮอร์โมน ที4 และ ที3 ว่าไทรอยด์ฮอร์ โมน

โรคต่อมไทรอยด์มีอะไรบ้าง? มีอาการอย่างไร?


วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2560

เหตุจากวัยทอง...ใช่ป่าว



  วันนี้ขอพูดถึงเรื่องสุขภาพกันบ้าง หลังย้ายเข้าบ้านใหม่ 16 มกราคม 2559 ชีวิตแต่ละวันก็หมดไปแบบชิลล์ๆ เช้าส่งลูกไปโรงเรียน เสร็จแล้วก็เดินออกกำลังกาย ที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน สายๆก็กลับมารดน้ำต้นไม้รอบๆ บ้านเราเอง  โห บางวันแดดแรงมาก เปลี่ยนเวลามารดตอนเย็นแทนแล้วกัน ช่วงสายแก่ๆดูทีวี และทำงานบ้านไปด้วย ว้าววว...บทบาทนังแจ๋วเข้าสิงทันทีทันใดเชียวล่ะ ก็บ้านใหม่ใครจะอยากให้เลอะเทอะล่ะ มีเวลาเหลือเฟือแล้วนี่555 ทำเข้าไป แต่ช่วงหลังๆแปลกไปบางวันตื่นขึ้นมาไม่อยากทำอะไรเลย รู้สึกเพลีย อยากนอนอย่างเดียวเลย ทำงานนิดทำงานหน่อย เหงื่อหยดติ๋งๆๆๆ ร้อนๆๆๆๆมากมายอะไรเช่นนี้ ลืมบอกอีกว่าผร่วงมากผิดปกติด้วยนะ ส่วนน้ำหนักก็ลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ถ้าเป็นตอนปกติคงดีใจมากเลยนะเนี่ย อัอ!!!ตอนกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่ชอบเพราะเราจะได้พักผ่อนอยู่บนเตียงอันแสนสบาย กลับไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มันช่างแสนทรมาน นอนก็นอนไม่หลับ  ปกติหัวถึงหมอนก็มักจะหลับอย่างง่ายดาย ครั้งนี้ต้องนอนนับ 1-100 กันเลยนะ เฮ้อ!!!เป็นไรเนี่ยเรา... นั่งคิด นอนคิด สงสัยวัยทอง โทษไปเรื่อยล่ะ หาน้ำมะพร้าวมากิน วันละ 2 ถุง คงช่วยได้บ้างนะ ไม่ต้องไปเครียดแล้ว คนอื่นเค้าก็เป็นกัน...สว.วัยทอง นั่นไง


            
นานๆเข้าทุกๆเช้าตื่นมาจะเพลียมากๆ ไม่มีแรงจะเดินกันทีเดัยว อยากนอนลูกเดียวเลย งานเข้าน่ะสิ...งานบ้านล่ะใครจะทำ เดินขึ้นบันไดแทบไม่ไหว ต้องคอยพยุงตัวเองก้าวเท้าทีละขั้น แปลกไหมล่ะ โรคไรวะ???ทำเราขี้เกียจมากมาย เดินไปตลาดซื้อของ ยกเท้าเดินเหมือนขาลอยๆ กลัวจะล้มเวลายืน ใจสั่นหวิวๆด้วยเวลาเดิน อ้อ!มีมือสั่นด้วย ตายๆๆๆวัยทองเป็นขนาดนี้ ไม่น่าใช่แล้ว ลองค้นหาอาการที่เป็นอยู่หน่อยดีกว่า วัยทองไม่น่าจะใช่แล้ว


 ว้าววว...ค้นหาข้อมูล วิเคราะห์อาการจากที่เราเป็น น่าจะเกี่ยวกับโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ อยากรู้ก็ต้องเจาะเลือดตรวจดูน่ะสิ สุดท้ายแล้วก็ใช่นะ ดูจากผลเลือดที่ตรวจค่าของไทรอยด์มันฟ้องอยู่นะ วิเคราะห์และวินิจฉัยโรคเองเลยเรา สั่งตรวจเลือดเองจากห้องตรวจแล็ปเอกชน ซึ่งตอนนี้มีเปิดกันเยอะไม่ต้องไปรอคิวตรวจในโรงพยาบาลกันแล้ว แต่ต้องแลกกับการจ่ายค่าตรวจเอง เราเลยเลือกเอาความสะดวกสบายบวกกะความรวดเร็ว ทั้งหาแพทย์ที่จะช่วยรักษาเราอย่างต่อเนื่องด้วย สรุปเอาผลตรวจเลือดมาให้แพทย์ที่คลินิกตรวจและรักษาให้ ได้ยามารับประทานอย่างต่อเนื่องยาวนาน หมอบอกต้องทานยานาน 2 ปี ร่วมกับตรวจเลือดเป็นระยะ ช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วงให้ยาคุมอาการมาได้ครบปีกว่าๆล่ะ ผลตรวจเลือดก็อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว เฮ้อ!!!แต่มันไม่หายขาด สามารถกลับมามีอาการอีกได้  ส่วนสาเหตุและการดูแลรักษาจะขอกล่าวในบทความหน้านะคะ รอติดตามกันด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

จัดแผ่นทางเดินในสวนแบบไหนดี

วันนี้นำเรื่องการจัดทางเดินในสวนบ้านเรามาคุยกันดีกว่า ว่าเรื่องสุขภาพกันไปบ้างแล้ว เอาแบบสลับสับเปลี่ยน หมุนวนไป เพื่อจะได้ไม่เบื่อกันไปก่อนนะคะ


การจัดสวนหน้าบ้านให้สวยครบทุกองค์ประกอบ แผ่นทางเดินในสวนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้ที่นั่งในมุมสวน เพราะฟังก์ชั่นหลักๆ ของทางเดินนั้น มีความหมายในตัวที่จะเป็นส่วนซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับเดินชมสวนสวยๆของบ้านเรา  เชื่อมพื้นที่จากส่วนหนึ่งไปยังอีกส่วนหนึ่ง

หากถามว่าแล้วทำไมถึงต้องสร้างทางเดินในพื้นที่สวน คำตอบก็ไม่ยาก เนื่องด้วยพื้นที่สวนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีทางเดินเพื่อสร้างขอบเขตให้สวน พูดง่ายๆ คือต้องมีส่วนสำหรับเดินชม เดินรอบ หรือเดินไปสู่จุดเด่นของมุมสวนในบ้าน

ทางเดินในสวนถูกจัดแบ่งให้เป็นส่วน Hardscape ในการออกแบบภูมิสถาปัตย์ เป็นเหมือนสิ่งจำเป็นต้องมี วัสดุ ดีไซน์ รวมทั้งการตกแต่งให้ดูดีชวนมองจึงเป็นเรื่องสำคัญควบคู่กับการใช้งานที่คงทนด้วย

1. ทางเดินควรอยู่ตรงไหน
ตำแหน่งที่เป็นทางเดินในสวนนั้น ควรอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมการใช้งานจากในบ้านสู่นอกบ้าน หรือนอกบ้านสู่ในบ้าน หรือจะเป็นพื้นที่รอบๆ สำหรับเดินวนทั่วโดยรอบบ้าน

จังหวะการก้าวเดินก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกวางแผ่นทางเดินขนาด 50-60 เซนติเมตรสำหรับเดินคนเดียว 80-100 เซนติเมตรในกรณีที่เดิน 2 คน และวางในระยะห่าง 30-50 เซนติเมตร (วัดจากศูนย์กลางแผ่นทางเดิน)

ระยะที่ว่านี้เป็นสัดส่วนที่พอดีสำหรับการก้าว หรือควรลองเดินให้พอดีกับจังหวะการก้าวเดิน เพื่อเดินง่าย ก้าวเท้าได้สบาย ให้การเดินในสวนเป็นไปอย่างสุนทรีย์


2. เลือกแผ่นทางเดิน
แผ่นทางเดินที่นิยมกันในท้องตลาดนั้นแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ ด้วยกัน คือแผ่นทางเดินจากธรรมชาติและแผ่นทางเดินซีเมนต์ ดีไซน์หลากหลายให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับคุณสมบัติของแต่ละวัสดุที่มีความต่างไม้แพ้กัน


แผ่นทางเดินจากธรรมชาติ ได้แก่ แผ่นศิลาแลง หินภูเขาเมืองกาญจน์ หินทราย ไม้หมอน
ซึ่งแผ่นทางเดินจากธรรมชาติเหล่านี้มักจะอยู่ในงานดีไซน์สวนแบบทรอปิคัล สวนป่าดิบชื้น ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้นาน ทำให้พื้นที่สวนมีความชุ่มชื่นร่มเย็นด้วย

แต่ข้อด้อยของแผ่นหินธรรมชาติก็คือรูปทรงและลวดลายที่แต่ละแผ่นจะแตกต่างกันไป รวมทั้งผิวสัมผัสที่กร่อนจนคมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และอายุการใช้งานของแผ่นหินบางชนิดที่จะสึกกร่อนตามธรรมชาติ

แผ่นทางเดินสำเร็จรูป ได้แก่ แผ่นทางเดินซีเมนต์ และแผ่นหินสังเคราะห์
ซึ่งวัสดุเหล่านี้ผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยระบบอุตสาหกรรม สัดส่วนจึงเป็นขนาดมาตรฐานหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 20 x 20 และ 40x40 เซนติเมตรขึ้นไป ขนาดที่พอดีนี้ทำให้สามารถคำนวณจำนวนที่ต้องใช้ได้อย่างแม่นยำ ง่ายต่อการจัดวาง รวมทั้งความคงทนแข็งแรง

ปัจจุบันแผ่นทางเดินสำเร็จรูปเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นอย่างมาก ด้วยการผลิตที่รวดเร็วและมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ทั้งในรูปแบบสวนวินเทจและสวนโมเดิร์น รวมทั้งสามารถสร้างลวดลายต่างๆ ลงบนแผ่นทางเดินได้ด้วย

  3. ระหว่างแผ่นทางเดิน
เพื่อความสวยงาม ช่องว่างระหว่างแผ่นทางเดินจึงมักจะถูกประดับตกแต่งด้วยวัสดุและพืชพรรณต่างๆ เพิ่มความสวยงามไม่ว่าจะเป็น

- การโรยหินแกลบซึ่งจะดูแลง่ายให้เท็กซ์เจอร์ดูนุ่มนวล ระบายน้ำขังลงสู่พื้นดินได้อย่างรวดเร็ว

- การปลูกหญ้าสลับ ทั้งหนวดปลาดุก หญ้านวลน้อย หญ้ามาเลเซีย เฟิร์นกนกนารี มอส ถั่วบราซิล

หากอยากเลือกปลูกพืชสลับกับแผ่นทางเดินแล้วไม่ควรลืมว่าพืชชนิดนั้นจะต้องดูแลง่าย ทนต่อการเหยียบย่ำ สามารถทนฝนได้ดีและสามารถระบายน้ำขังลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีหนามแหลมที่จะทำให้เกิดอันตรายระหว่างก้าวเดิน

ข้อดีของการเลือกต้นไม้ปลูกสลับก็เห็นจะเป็นเรื่องความสวยงามที่จะช่วยดึงความแข็งกระด้างของแผ่นทางเดินให้พื้นที่ดูนุ่มนวลขึ้น แต่หากเลือกโรยก้อนกรวด หินแกลบเม็ดเล็ก ก็จะดีตรงที่ไม่ต้องดูแลรักษาให้วุ่นวาย

4. สองข้างทางก็ควรคิดถึงเรื่อง
ความโปร่งโล่งยังเป็นเรื่องสำคัญ หากเลือกได้ต้นไม้ที่ปลูกประดับสองข้างทางเดินควรสูงไม่เกินระดับสายตา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย หากเป็นต้นไม้ใหญ่ควรตัดกิ่งให้พ้นระดับศีรษะเพื่อความปลอดภัย และไม่ควรเลือกต้นไม้ที่มีหนาม มียาง หรือมีขน ที่จะก่อให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสัมผัส

สำหรับบางท่านก็ที่ชอบซุ้มไม้เลื้อยอย่างสร้อยอินทนิล พวงคราม พวงชมพู เล็บมือนาง ก็สามารถสร้างทางเดินลอดซุ้มรอบๆ สวนได้ หากแต่ต้องระวังสัตว์เลื้อยคลานอย่างงูเขียวที่จะชอบมาอาศัยอยู่เพียงเท่านั้น


5. ขั้นตอนง่ายๆ ในการปูแผ่นทางเดิน
สิ่งที่ทางเดินในสวนต้องมีนอกเหนือจากความปลอดภัยและความสวยงามก็คือ การระบายน้ำลงดินอย่างรวดเร็ว การปูแผ่นทางเดินในสวนส่วนใหญ่จึงไม่นิยมราดซีเมนต์เป็นทางยาวเพราะนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดความสวยงามแล้วยังก่อให้เกิดเป็นแอ่งน้ำท่วมขังด้วย

สำหรับวิธีปูทางเดินในสวนนั้นมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. ปรับหน้าดินให้เรียบเป็นทางเดินยาวในแบบที่ต้องการ

2. ใช้ทรายรองหน้าดินอีกชั้นเพื่อให้ระบายน้ำลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรืออาจจะให้เทคนิคอื่นๆ เข้าช่วยอาทิ ปูตาข่ายพลาสติก หรือจะเทซีเมนต์เจาะรูระบายน้ำให้ทั่วก็จะมีความคงทนยิ่งขึ้น

3. วางแผ่นทางเดินตามระยะที่กำหนดไว้จากนั้นก็ตกแต่งรอบๆ ทางเดินตามที่ออกแบบไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก SCG.building material




หลากหลายรูปแบบในการจัดวางแผ่นทางเดินในสวนบ้านของเรา เพื่อนๆลองเลือก ชอบแบบไหนก็จัดกันไป จะจัดเองโดยค่อยๆทำไป หรือจะจ้างคนมาช่วยจัดก็แล้วแต่ความสะดวกนะคะ เสร็จแล้วเรานั่นล่ะที่ได้มองและชื่นชมกับมัน ความสุขรอบบ้านจริงๆ ไม่ต้องไปเสาะหาที่ไหนเลย พอหอมปากหอมคอกันไปบ้างกะสวนสวยๆ ทางเดินสวยๆของเรา ครั้งหน้าจะว่าด้วยเรื่องอะไร รอติดตามกันนะคะ

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2560

การเข้าบ้านใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

บ้านใหม่ก็เหมือนกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ให้ชีวิต ดังนั้นการย้ายเข้าบ้านใหม่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและสำคัญอย่างมากสำหรับคนที่เป็นเจ้าของบ้าน วันนี้ เราจึงไปหาข้อมูลสำหรับการย้ายเข้าบ้านใหม่แบบไทยๆ ที่คนนิยมปฏิบัติมาฝาก เชื่อกันว่าหากได้ทำตามนี้จะทำให้การเริ่มต้นชีวิตภายใต้ชายคาบ้านหลังใหม่ของเพื่อนๆจะสุข สงบ และร่มเย็น

การย้ายเข้าบ้านใหม่ตามธรรมเนียมไทยนั้นมุ่งสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าบ้านให้เกิดความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย ได้รับการปกปักรักษาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความผาสุกร่มเย็นจากการมีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และมีกินมีใช้ มั่งมีจากทรัพย์สินและอาหารที่บริบูรณ์ ซึ่งนำไปสู่พิธีการตามธรรมเนียมไทยทั้ง 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. การสักการะเจ้าที่
2. การอัญเชิญพระประธานประดิษฐานในบ้าน
3. การนำของมงคลเข้าสู่บ้าน
ถึงแม้ว่าการย้ายเข้าบ้านใหม่ตามธรรมเนียมไทยนั้นจะไม่ได้กำหนดฤกษ์ยามเอาไว้ว่าควรจะเป็นเมื่อไร เจ้าของบ้านจึงสามารถยึดถือเอาฤกษ์ตามสะดวกก็ได้ หรือหากจะใช้ฤกษ์ดีตามปฏิทินหรือขอฤกษ์จากพระก็ได้เช่นกัน แต่จะมีข้อยกเว้นตามโบราณคติของไทยอยู่อย่างหนึ่งก็คือวันที่จะย้ายเข้าบ้านใหม่นั้นห้ามเป็นวันเสาร์ เนื่องจากตามหลักโหราศาสตร์แล้วถือว่าวันเสาร์เป็นวันแห่งความทุกข์โศก นอกจากนี้ดาวเสาร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของบาปและเคราะห์กรรม ดังนั้นการขึ้นบ้านใหม่ การปลูกบ้าน การยกเสาเอก การวางศิลาฤกษ์ รวมไปถึงการย้ายเข้าบ้านใหม่จึงต้องหลีกเลี่ยงวันเสาร์ เมื่อได้ฤกษ์ดีของการย้ายเข้าบ้านใหม่แล้ว เราก็มาตระเตรียมของประกอบพิธีและเรียนรู้เกี่ยวกับแต่ละขั้นตอนของพิธีกันตามลำดับก่อนหลัง
ขั้นตอนที่ 1 สักการะเจ้าที่
แต่โบราณมาคนไทยจะให้ความเคารพนับถือเจ้าที่ เพราะเจ้าที่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะปกป้องคุ้มครองไม่ให้สิ่งชั่วร้ายต่างๆ เข้ามาในบ้านได้ และช่วยให้เจ้าบ้านสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ วันที่จะย้ายเข้าบ้านแนะนำให้มาถึงบ้านก่อนถึงกำหนดฤกษ์ เพราะเราจะใช้เวลาก่อนถึงฤกษ์ 1-2 ชั่วโมงเพื่อสักการะเจ้าที่ สิ่งที่นำมาสักการะ ได้แก่ สำรับอาหารคาว-หวาน ผลไม้ น้ำสะอาด ดอกไม้ ธูป เทียน ถ้าหากโครงการจัดสรรมีการตั้งศาลก็สามารถไปไหว้ที่ศาลประจำหมู่บ้านได้ แต่ถ้าหากไม่มีศาลก็สามารถตั้งโต๊ะไหว้ได้
เมื่อจัดโต๊ะวางสิ่งสักการะครบถ้วนแล้ว ให้จุดธุปเพื่อบอกกล่าวเจ้าที่ว่าเรากำลังจะมาขออยู่ ขอให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครอง ให้อยู่เย็นเป็นสุข ร่ำรวย อธิษฐานได้ตามปรารถนา
ขั้นตอนที่ 2 อัญเชิญพระประธานประดิษฐานในบ้าน
หลังจากสักการะเจ้าที่เรียบร้อยแล้วก็รอจนกระทั่งถึงฤกษ์มงคลเป็นอันเริ่มต้นพิธีการในขั้นตอนถัดไป ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นความเชื่อที่ผสานวิถีชาวพุทธที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวและอำนวยพรให้อยู่อาศัยอย่างสงบ ร่มเย็น ด้วยการอัญเชิญพระพุทธรูปซึ่งจะเป็นพระประธานของบ้านเข้าประดิษฐานในบ้านใหม่ ดังนั้นก่อนจะถึงวันทำพิธีนี้ควรจะมีการตระเตรียมสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเอาไว้ให้พร้อม หากมีบริเวณจะกั้นเป็นห้องพระหรือจะตั้งโต๊ะหมู่บูชา แต่ถ้าพื้นที่จำกัดจะทำหิ้งพระก็ได้
เมื่อได้ฤกษ์ยามแล้วให้หัวหน้าครอบครัว หรือผู้อาวุโสอัญเชิญพระพุทธรูปก้าวเข้าบ้านก่อนเป็นคนแรก จากนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ยังที่บูชา ในขั้นตอนนี้ให้เตรียมดอกไม้ใส่แจกัน ธูปพร้อมกระถางธูป เทียนและเชิงเทียนให้พร้อม จากนั้นสมาชิกครอบครัวและผู้ร่วมพิธีพร้อมหน้ากันนมัสการ จุดธูปเทียนตั้งจิตอธิษฐานให้บังเกิดความสุข สงบ ร่มเย็น ตั้งมั่นอยู่บนคุณธรรม ความดี มีเมตตาต่อกัน
ขั้นตอนที่ 3 นำของมงคลเข้าบ้าน
เป็นขั้นตอนที่สนุกสนานและรื่นเริงที่สุด ถ้าหากมีคนมาร่วมพิธีสามารถนำของมงคลตามหลังคนที่อัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาในบ้านพร้อมๆ กันได้เลย แต่ถ้าหากมีคนน้อยก็อาจจะอัญเชิญพระพุทธรูปก่อนแล้วจึงนำของมงคลเข้าบ้านก็ได้ ของมงคลที่ว่านั้น ได้แก่ ฟัก แฟง แตงล้าน กล้วย อ้อย มะพร้าว สาลี่ ทับทิม ส้ม ข้าวสารเต็มถุง น้ำดื่มเต็มขวดหรือเต็มถัง กะปิ พริกแห้ง น้ำปลา น้ำตาลทราย หอมแดง อาหารแห้งต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ สามารถเลือกเตรียมตามความสะดวก จะใช้อาหารกระป๋องก็ได้ เสริมมงคลขึ้นไปอีกด้วยขนมไทยที่มีชื่อมงคลอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น จัดวางไว้ที่โต๊ะกลางบ้าน และเพื่อให้เกิดความบริบูรณ์พูนทวีด้วยทรัพย์สินก็ให้นำของมีค่า เครื่องใช้ต่างๆ มาวางรวมกัน เช่น เงินตามจำนวนที่เป็นเลขมงคล เช่น 999 บาท ทอง และเครื่องประดับ รวมไปถึงเครื่องใช้ต่างๆ ภาชนะ เครื่องครัว หมอน แต่ขอให้เป็นของที่ซื้อมาใหม่ เปิดม่าน เปิดไฟให้สว่างไสว และเปิดเพลงหรือดนตรีให้เกิดความมีชีวิตชีวา และอาจจะเตรียมดอกไม้มงคลเพื่อโปรยในบริเวณบ้านก็ได้ เช่น ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ รวมไปถึงข้าวตอก ถั่ว งา
ที่สำคัญคือในวันนี้ขอให้พูดจากันในสิ่งที่เป็นมงคลและไพเราะ รวมไปถึงประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม
เพียง 3 ขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและยุ่งยากนี้ เจ้าของบ้านสามารถทำได้ด้วยตัวเอง และย้ายเข้าสู่บ้านหลังใหม่ได้อย่างสบายใจ เราขออวยพรให้เจ้าของบ้านมีความสุขสบาย ร่มเย็น ร่ำรวยและมั่งมีในบ้านหลังใหม่ที่แวดล้อมไปด้วยมิตรไมตรีจากเพื่อนบ้านนะคะ

(หิ้งพระ ติดตั้งไว้บนชั้นสองของบ้านบริเวณห้องโถง)




ครอบครัวเราเองก็ปฏิบัติตามนั้นเลย คุณสามีเป็นคนอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานบนหิ้งพระที่จัดทำไว้แล้ว ส่วนเราและลูกๆก็นำข้าวสาร อาหารแห้งต่างๆที่เตรียมไว้เข้ามาไว้ในบ้าน คืนนั้นก็ถือฤกษ์มานอนบ้านใหม่กันเลย ส่วนของใช้อื่นๆก็ทยอยขนเข้ามาภายหลัง ตอนนี้เอาแต่ที่จำเป็นมาไว้ก่อน เฮ้อ!!!งานเหนื่อยของแม่บ้านอีกล่ะ ของชิ้นใหญ่ มีน้ำหนักอาศัยคุณสามีกะเพื่อนๆช่วยขนย้ายเช่น ตู้เย็น ทีวี เครื่องซักผ้า ไอ้เบาๆเช่นเสื้อผ้า ของใช้จิปาถะ เราค่อยทยอยขนมาไว้ก็แล้วกัน เอาที่สบายใจนะ ว่าไปนั่น!!! ครั้งหน้ามาเล่าต่อแล้วกัน มีอีกหลายเรื่องทีเดียว...

ขอขอบบคุณข้อมูลจากคุณ เชษฐพล มานิตย์ นักเขียนออนไลน์ประจำ DDproperty.com

ไม้หอม...ต้นประยงค์



ต้นประยงค์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ โดยจัดเป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทรงพุ่มทึบค่อนข้างกลม มีความสูงของต้นประมาณ 2-3 เมตรและสูงไม่เกิน 5 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่ง และวิธีการเพาะเมล็ด ขึ้นได้ดีในทุกสภาพดินฟ้าอากาศ ทนความแห้งแล้งได้ดีมาก แต่ควรปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งวัน เพราะจะช่วยทำให้มีทรงพุ่มสวยงาม

ใบประยงค์ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 5 ใบ (บางใบอาจมีใบย่อยเพียง 3 ใบ) ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่กลับ ปลายใบมน โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ผิวใบเป็นสีเขียวเข้มหลังใบและท้องใบเรียบ ก้านใบแผ่ออกเป็นปีก





ดอกประยงค์ ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร โดยจะออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ในแต่ละช่อดอกจะประกอบไปด้วยดอกย่อยขนาดเล็กมากกว่า 10 ดอก ดอกย่อยเป็นสีเหลืองและมีกลิ่นหอมแรง ลอยไปได้ไกล (แม้ดอกแห้งก็ยังมีกลิ่นหอมอยู่) มีกลีบดอก 6 กลีบ กลีบดอกซ้อนกันไม่บานออก ลักษณะเป็นรูปทรงกลมเล็กคล้ายไข่ปลาสีเหลือง สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดทั้งวัน

ผลประยงค์ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี มีขนาดประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเกือบดำ ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาล 1-2 เมล็ด

สรรพคุณของประยงค์ในประเทศฟิลิปปินส์จะใช้รากและใบนำมาต้มเป็นยาบำรุงร่างกาย (รากและใบ)ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้ผอมแห้งแรงน้อย (ราก)ดอกมีรสเฝื่อนขมเล็กน้อย ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้หูตาสว่าง จิตใจปลอดโปร่ง แก้อาการเมาค้าง (ดอก)รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ (ราก)ดอกช่วยดับร้อน แก้อาการกระหายน้ำ (ดอก) ยาชงจากดอกใช้ดื่มแบบน้ำชาจะเป็นยาเย็น สรรพคุณเป็นยาแก้ไข้พุพอง (ดอก)ช่วยแก้อาการไอ (ดอก) แก้ไอหืด (ดอก)รากช่วยแก้เลือด แก้กำเดา (ราก) รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้รับประทานเป็นยาทำให้อาเจียน (ราก),ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด (ราก) ใช้เป็นยากวาดเด็ก แก้เสมหะด่าง (ดอก)

ช่วยลดอาการอึดอัดแน่นหน้าอก (ดอก)ช่วยฟอกปอด (ดอก)รากและใบใช้แก้โรคที่เกี่ยวกับทรวงอก อาการชัก และแก้ไข้ (รากและใบ)ช่วยแก้ลมจุกเสียด (ดอก)ช่วยแก้ริดสีดวงในท้อง (ดอก)ช่วยรักษากามโรค (ใบ)ใบใช้เป็นยาสำหรับสตรีที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ (ใบ)ช่วยเร่งการคลอด (ดอก)ก้านและใบมีรสเฝื่อน ใช้เป็นยาพอกแก้แผลบวมฟกช้ำจากการหกล้มหรือถูกกระทบกระแทก และช่วยรักษาแผลฝีหนองทั้งหลาย (ใบ, ก้าน)รากใช้เป็นยาถอนพิษเบื่อ ยาเมา (ราก)ช่วยแก้อัมพาต (ดอก)

หมายเหตุ : การใช้ตาม  ดอก ก้าน และใบ ให้ใช้แบบแห้ง 3-10 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม หากนำมาใช้ภายนอกให้นำมาเคี่ยวให้ข้น แล้วนำมาใช้ทาแผลบวมฟกช้ำ ส่วนวิธีการเก็บช่อดอกและใบให้เก็บในช่วงฤดูร้อนตอนออกดอก แล้วนำมาตากให้แห้ง แยกเก็บไว้ใช้


ประโยชน์ของประยงค์ดอกประยงค์แห้งสามารถนำมาใช้อบเสื้อผ้าให้มีกลิ่นหอม และใช้แต่งกลิ่นใบชาเช่นเดียวกับดอกมะลิ ซึ่งชาวจีนจะนิยมกันมาก นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน สวนหย่อม สวนในป่าอนุรักษ์ หรือใช้ปลูกประดับรั้ว เนื่องจากดอกมีกลิ่นหอมแรง กลิ่นลอยไปไกล ออกดอกให้ชมได้บ่อย เป็นพันธุ์ไม้ที่มีใบและทรงพุ่มสวยงาม (แต่ต้องคอยตัดแต่งกิ่งก้านสาขาบ้าง) มีความแข็งแรงทนทาน ปลูกได้ง่าย และมีอายุยืนยาว นอกจากนี้ต้นประยงค์ยังถือเป็นต้นไม้มงคล ด้วยเชื่อว่าหากปลูกไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ชีวิต ช่วยปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ช่วยเสริมดวงทางคงกระพันชาตรี เพิ่มเดชให้ตัวเอง และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้ปลูกต้นประยงค์ในวันเสาร์เพื่อเอาคุณ และควรปลูกในทางทิศตะวันตกของบริเวณบ้าน

เอกสารอ้างอิง
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 273 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า.  “ประยงค์ช่อน้อยลอยกลิ่นไกล”.  (เดชา ศิริภัทร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th.  [19 เม.ย. 2014].การประชุมวิชาการนเรศวรวิจัยครั้งที่ 3 วันที่ 28-29 ก.พ. 2550.  “ผลของสารสกัดจากใบประยงค์ต่อจำนวนเม็ดเลือด ของแมลงวันผลไม้ระยะตัวหนอน”. (กิตติ ตันเมืองปัก, พาคิน ฝั่งไชยสงค์, อาทิตย์ พิมมี).การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 41.  “การเปรียบเทียบผลของสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของต้นประยงค์ด้วยน้ำที่มีต่อการงอกและการเจริญเติบโตของวัชพืชสองชนิด”. (ยิ่งยง เมฆลอย, วิรัตน์ ภูวิวัฒน์, จำรูญ เล้าสินวัฒนา, พัชนี เจริญยิ่ง). หน้า 311-317.

วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

มารู้จัก...ต้อยติ่ง

ต้อยติ่ง ชื่อสามัญ Waterkanon, Watrakanu, Minnieroot, Iron root, Feverroot, Popping pod, Cracker plant, Trai-no, Toi ting จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)

ต้อยติ่งฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Ruellia tuberosa L. มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ต้อยติ่งเทศ, ต้อยติ่งน้ำ, ต้นอังกาบ, อังกาบฝรั่ง, เป๊าะแป๊ะ เป็นต้น


ต้อยติ่งไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ Hygrophila erecta (Burm.f.) Hochr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Hygrophila phlomoides var. roxburghii C.B. Clarke) ส่วนอีกข้อมูลระบุชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hygrophila ringens var. ringens (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Hygrophila quadrivalvis (Buch.-Ham.) Nees) มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ต้อยติ่งนา (กรุงเทพ), น้ำดับไฟ (ประจวบคีรีขันธ์) เป็นต้น








ต้อยติ่ง มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ต้อยติ่งไทย เป็นต้อยติ่งดั้งเดิมของบ้านเรา ซึ่งในปัจจุบันจะพบเห็นได้น้อยลงทุกที และอีกชนิดคือ ต้อยติ่งฝรั่ง เป็นชนิดที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงฤดูฝน ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเขตร้อน ทั้งสองชนิดจะมีลักษณะของดอกที่คล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันตรงส่วนของใบ ซึ่งใบของต้นต้อยติ่งฝรั่งจะมีขนาดเล็กกว่าต้อยติ่งไทย แต่ต้อยติ่งฝรั่งจะโตเร็วกว่าต้อยติ่งไทย

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

พุดศุภโชค



บางท่านเรียก “พุดศรีลังกา” เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงไม่เกิน 1.5-2 ฟุต แตกกิ่งก้านต่ำ หนาแน่น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่บริเวณปลายกิ่ง ใบเป็นรูปใบหอก ปลายแหลม โคนสอบ หรือป้าน ใบมีขนาดเล็กกว่าใบพุดทั่วไป เป็นสีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มหนาแน่น สามารถตัดแต่งให้อยู่ในรูปทรงที่ต้องการได้สวยงามมาก


ดอก ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อย 5-7 ดอก ลักษณะดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ ปลายกลีบแหลมเหมือนดาว มีกลีบดอกชั้นเดียว สีขาวสดใส ไส้กลางดอกเป็นสีเหลือง ดอกบานเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 นิ้วฟุต ไม่มีกลิ่นหอม

ข้อเด่นของพุดชนิดนี้คือ จะมีดอกดกไม่ขาดต้นแม้แต่วันเดียว จึงดูสวยงามสดใสตลอดเวลา ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง แต่ปักชำก็น่าจะได้นา ..ไว้ต้องลอง

การปลูกนั้นสามารถปลูกลงกระถางขนาดกว้างประมาณ 10 นิ้วฟุต ทำทางระบายน้ำก้นกระถางให้ดี รดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น มีแสงแดดส่องถึงตลอดวันจะดีมาก เนื่องจากต้น “พุดศุภโชค” หรือ “พุดศรีลังกา” เป็นไม้ชอบแดดจัด แต่กลับไม่ต้องการน้ำมากมายเกินไป ดังนั้นช่วงฤดูฝนจะเป็นปัญหา ถ้าปลูกลงดิน หากโดนฝนมากและดินระบายน้ำไม่ดี  คงต้องสังเกตดินที่ปลูกชื้นแฉะเกินไปหรือไม่ อาจใช้วิธีการพรวนดินบริเวณโดยรอบให้โปรงขึ้น



ต้นที่บ้านก็เคยใบเหลืองร่วงเกือบหมดต้น เพราะการให้น้ำมากไป เลยทำการพรวนดิน และดินที่ปลูกก็ใช้ดินใบก้ามปู หลังจากนั้นไม่นานก็แตกใบใหม่กลับมาสวยงามอีกครัง

การให้ปุ๋ยและการบำรุงก็ใส่ปุ๋ยมูลสัตว์จำพวก ขี้วัวหรือขี้ควายแห้งโรยกลบฝังดินรอบโคนต้น 15 วันครั้ง จะทำให้มีดอกไม่ขาดต้น และดอกดกดูแพรวพราวคล้ายดาวสีขาวกระจายสวยงามมากเลยทีเดียวเชียว อ้อ!!!ลืมบอกไป ระวังด้วยนะคะหนอนผีเสื้อตัวเขียวๆแบบชีเมจูได๊ 555มันกินใบจนหมดต้นเลยล่ะ ถ้าไม่คอยตรวจหลังใบ เราต้องคอยดูว่ามีขี้มันหล่นใต้ต้นมั๊ย ถ้ามี???จำไว้เลยตามหามันมาทำลายไม่งั้นเหลือแต่ต้น ใบโกร๋นเลยนะขอบอก...เราเจอมาแล้วล่ะ ไอ้ตัวกินใบ

วันนี้พอก่อนเดี๋ยวต้องไปเดินส่องหลังใบ หาเจ้าตัวเขียวๆซะหน่อย เจอกันครั้งหน้า จะไปหาข้อมูลของดอกไม้สีม่วงที่แสนบอบบาง บานแค่ช่วงเช้า สายๆก็โรยรา ร่วงหล่นจากต้น...ต้อยติ่งเทศมาให้อ่านกันค่ะ

การไหว้แม่ย่านางรถ

อย่างที่รู้กันว่าความเชื่อของคนไทยเมื่อไรที่ออกรถมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือรถมือสองก็จะเคารพนับถือและบูชาแม่ย่านางรถซึ่งเป็นสิ่งศ...

บทความน่าสนใจ